22 เมษายน 2563 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดความสับสนในการวินิจฉัยและการดูแลรักษา
กรมควบคุมโรค จึงร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น (จากเดือนมิถุนายน เป็นเดือนพฤษภาคม) เพื่อจะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทันต่อสถานการณ์
- ซึ้งใจ อาจารย์ สจล. สละเงินเดือน 6 เดือน ให้ นศ. ผู้กระทบโควิด
- พช.เปิดรับสมัครพนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 48 อัตรา
- ไทยเดนมาร์ค ให้กำลังใจ กระทรวงเกษตร และ เกษตรกร สู้โควิด-19
สำหรับกลุ่มเสี่ยง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจทำให้เสียชีวิตได้
ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 13 เมษายน 2563 มีรายงานผู้ป่วย 95,994 ราย ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ 0-4 ปี รองลงมาคือ อายุ 10-14 ปี และ 7-9 ปี ซึ่งเป็นอายุที่อยู่ในกลุ่มวัยเรียน
กรมควบควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2563 ในระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม 2563 จำนวน 4.11 ล้านโด๊ส เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงที่หากป่วยแล้วอาจจะมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิต โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1.สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
2.สำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่
-หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
-เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
-บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
-โรคอ้วน (น้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือ BMI >35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
-ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
-โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
-ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน)
ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง สามารถขอรับบริการวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามวันและสถานที่ดังกล่าว
หากมีอาการข้างต้นให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา ที่สถานพยาบาล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422