นายกฯ เตรียมพิจารณาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สัปดาห์หน้า

พล.อ.ประยุทธ์ หวั่นหากผ่อนคลายมาตรการเร็วไป ที่ทำมาจะสูญเปล่า ชี้เตรียมพิจารณาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สัปดาห์หน้า

วันที่ 21 เมษายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุม ครม. กรณีสถานการณ์โควิด-19 ว่า

ภาพจากอีจัน
“วันนี้สิ่งที่อยากเรียนให้ทราบคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับแล้ว พ.ร.ก. สำคัญคือ กู้เงิน 1 ล้านล้าน เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งก็มีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือการแก้ปัญหาในเรื่องของด้านการสาธารณสุข ส่วนที่สองคือเรื่องของการเยียวยาและส่วนที่สามคือเรื่องของการฟื้นฟู ทั้งสามส่วนนี้เราก็มีการจัดตั้งคณะกรรมการการคัดกรอง ซึ่งมีการแต่งตั้งไปแล้วแล้วก็ได้มีการหารือร่วมกันแล้วว่าจะมีระเบียบปฏิบัติ ในการใช้เงินดังกล่าวอย่างไร ก็ให้เป็นไปตามระเบียบหรือกฎหมาย ทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งขณะนี้ ครม. ก็ได้มติเห็นชอบไปแล้วเรียบร้อย ในส่วน พ.ร.ก. อีก 2 ฉบับ คือ เสถียรภาพของระบบการเงินและ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ อันนี้เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย กับกระทรวงการคลัง ร่วมกันจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนตลาดตราสารหนี้ อันนี้อีก 400,000 ล้านบาท อันที่สามคือ พ.ร.ก. ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงิน วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท
ภาพจากอีจัน
ส่วนเรื่องสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ตอนนี้เราจะเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น สถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มก็ลดลงตามลำดับหลายวันมาแล้ว ก็คงต้องดูต่อไปเพื่อจะดำเนินการในขั้นตอนในระยะต่อไป หลายท่านเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนมาตรการ ผมมองว่าเราก็ยังต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป เราต้องฟังข้อมูลจากหลายด้าน ผมไม่อยากให้ไปทำตามแรงกดดันต่างๆ ผมต้องการให้มันไปตามข้อเท็จจริง หากรีบผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไป สิ่งที่ตามมาถ้าหากว่าเกิดการแพร่ระบาดเร็วขึ้น ที่เราทำมาทั้งหมดในระยะเวลานานพอสมควรต้องล้มเหลวไปทั้งหมด ส่วนการพิจารณา ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีการพิจารณาอีกครั้ง ในการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ว่าจะต้องมีการดำเนินการต่อไปหรือไม่ อย่างไร ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับสถิติต่างๆ ในด้านสาธารณสุข จะเป็นตัวชี้วัด” นายกรัฐมนตรี กล่าว