รวบคู่หู กระชากกระเป๋าสาวใหญ่ อ้างตกอับเพราะพิษโควิด-19

ตำรวจ สน.พลับพลาไชย 2 รวบ 2 โจร ชวนกันกระชากกระเป๋าสาวใหญ่ ชิงทอง 10 บาท ไปขายย่านเยาวราช อ้างตกอับเพราะพิษโควิด – 19

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2563 ตำรวจ สน.พลับพลาไชย 2 และตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ได้จับกุม นายนฐพล จรัสกิตติกุล หรือเบ็นซ์ อายุ 29 ปี และนายบัญชา หรือทอม แซ่โค้ว อายุ 34 ปี ผู้ต้องหากระชากกระเป๋า พร้อมของกลาง ทองคำแท่ง ตราฮั่วเซ่งเฮง หนัก 10 บาท มูลค่า 286,000 บาท และเงินสด จำนวน 5,000 บาท โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณปากตรอกพิพากษา 1 ถนนแปลงนาม แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 

ภาพจากอีจัน

กรณีนี้ ผู้เสียหายเป็นหญิงวัยประมาณ 60 ปี เดินถือกระเป๋าผู้หญิงด้วยมือข้างขวา โดยมีทองคำแท่งหนัก 10 บาท และเงินสด จำนวน 5,000 บาท อยู่ภายในกระเป๋า เพื่อจะนำไปขายให้กับร้านทองในย่านถนนเยาวราช ระหว่างนั้นได้ถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ มุ่งเป้ามาที่ผู้เสียหาย จากนั้นคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ก็กระชากกระเป๋า แล้วบึ่งรถหลบหนีไปทางด้านถนนเจริญกรุง

เมื่อชุดสืบสวนลงพื้นที่ รวบรวมพยานหลักฐานกล้องวงจรปิด และสอบปากคำพยานแวดล้อม จนทราบว่าคนร้ายทั้งคู่ พากันหลบหนีไปกบดานในห้องเช่า ตรอกพิพากษา 1 ย่านถนนแปลงนาม จึงประสานพนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการขออนุมัติหมายจับ ก่อนเดินทางไปรวบตัวมาสอบปากคำดำเนินคดีที่ สน.พลับพลาไชย 2

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 รับว่าก่อเหตุดังกล่าวจริง เพราะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 นายนฐพล ผู้ขับขี่ซึ่งเป็นเจ้าของรถ ให้การว่าก่อนหน้านี้มีอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์ส่งสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่น แต่ระยะหลังเกิดวิกฤติโควิด ทำให้มีผู้ขับขี่หน้าใหม่มาแย่งงานจนรายได้หดหาย จึงชักชวน นายบัญชา เพื่อนรุ่นพี่ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านทำเล็บอยู่กับแฟนสาวที่พัทยา แต่ก็ประสบปัญหาจากพิษโควิด – 19 จนร้านต้องปิดเช่นกัน มาตระเวนขี่ รถจักรยานยนต์ หาเหยื่อเพื่อวิ่งราวทรัพย์ กระทั่งพบเหยื่อรายนี้เดินถือกระเป๋ามาตามริมถนนเยาวราช จึงอาศัยโอกาสกระชากกระเป๋าทันที ทีแรกคิดว่าจะได้ทรัพย์เพียงเล็กน้อย เพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อเปิดกระเป๋าก็ถึงกับผงะ เพราะพบทองคำแท่งมูลค่ามาก แต่ยังไม่ทันจะนำทองไปขายก็มาถูกจับกุมเสียก่อน
ภาพจากอีจัน
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจต้องทำการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อทำการขยายผลอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะฯ หรือ ร่วมกันรับของโจร” จึงได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป