ทรัมป์ เล็งคลายล็อกดาวน์สหรัฐฯ พิษโควิด-19 ทำเศรษฐกิจซบเซา

โดนัลด์ ทรัมป์ เล็งคลายล็อกดาวน์สหรัฐฯ หลังเศรษฐกิจซบเซาจากโควิด-19 ชี้ การปิดประเทศไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวที่ยั่งยืน

(17 เมษายน 2563) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2563 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปิดเผยแนวทางสำหรับการกลับมาทำงานของบางภาคส่วนใน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งหยุดชะงักไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทรัมป์ กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญของเราเปิดเผยถึงเส้นโค้งของการระบาดกำลังราบเรียบลง และเราได้ผ่านช่วงการระบาดหนักที่สุดไปแล้ว ทั้งยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อในเทศมณฑลกว่า 850 แห่ง หรือคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประเทศ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

จากข้อมูลล่าสุดที่ได้ ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราเห็นพ้องว่า ตอนนี้เราสามารถวางแนวหน้าใหม่ในการทำสงครามได้แล้ว ซึ่งเราเรียกมันว่า ‘การเปิดอเมริกาอีกครั้ง" (Opening up America Again) และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่

ภาพจากอีจัน
ทรัมป์ ชี้ว่า การปิดประเทศไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวที่ยั่งยืนและการปิดตัวเป็นเวลานานเมื่อผนวกรวมกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลในวงกว้างต่อสาธารณสุข ด้วยเหตุนี้ คณะบริหารของผมจึงกำลังออกแนวทางใหม่ผ่านรัฐบาลกลาง เพื่ออนุมัติให้บรรดาผู้ว่าการรัฐใช้แนวทางใหม่อย่างรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป ในการเปิดรัฐที่พวกเขาดูแลอยู่ เกณฑ์สำหรับการกลับมาเปิดภาคเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงรายงานพบผู้ป่วยแสดงอาการคล้ายโรคโควิด-19 ที่ลดลงใน 14 วันของรัฐหรือภูมิภาคนั้นๆ และรายงานพบผู้ได้รับการยืนยันว่ามีผลทดสอบเป็นบวกในช่วง 14 วันเดียวกันที่ลดลง รัฐและภูมิภาคทุกแห่งควรดำเนินการให้มั่นใจว่า โรงพยาบาลสามารถรักษาผู้ป่วยได้ทุกราย และมีการใช้โปรแกรมการทดสอบที่มีประสิทธิภาพกับผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงติดเชื้อทุกราย ก่อนเข้าสู่ระยะเปิดภาคเศรษฐกิจใหม่
ภาพจากอีจัน
ทำเนียบขาว ระบุว่า เป้าหมายของแนวทางดังกล่าว คือการลดความเสี่ยงที่จะเกิดกรณีผู้ติดเชื้ออีกครั้ง และการปกป้องประชากรที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอาจจำต้องปรับแต่งการใช้เกณฑ์เหล่านี้ให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ในท้องถิ่น "เราไม่ได้เปิดทุกรัฐในคราวเดียวกัน แต่จะเปิดโดยพิจารณาถึงความปลอดภัยของแต่ละพื้นที่อย่างถี่ถ้วน ณ เวลานั้น บางรัฐจึงจะสามารถเปิดได้เร็วกว่ารัฐอื่นๆ" ทรัมป์กล่าว แนวทางดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจ "หดตัวลงอย่างรุนแรงและฉับพลัน" ทั่วทุกภูมิภาคในสหรัฐฯ อันเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 เมษายน 63 ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระบบ (CSSE) ของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ รายงานจำนวนผู้ป่วยโควิด-19ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 660,000 ราย ซึ่งรวมถึงผู้เสียชีวิตกว่า 32,000 ราย