คนในนิวยอร์ก ต้องสวมหน้ากากในที่สาธารณะ

นิวยอร์กสั่งประชาชน สวมหน้ากากในที่สาธารณะ หากเว้นระยะห่างไม่ได้

(16 เม.ย. 63) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ เปิดเผยการออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือสิ่งปิดคลุมใบหน้าขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ หากไม่สามารถรักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 6 ฟุต (ราว 1.82 เมตร) ได้

โดย แอนดรูว์ คัวโม กล่าวผ่านทวิตเตอร์ ว่า “ผมกำลังออกคำสั่งพิเศษว่าประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือสิ่งปกคลุมใบหน้าในพื้นที่สาธารณะ กรณีไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้ ตัวอย่างเช่น บนรถโดยสารสาธารณะที่ไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ หรือบนทางเท้าที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนจำนวนมาก คุณต้องสวมที่ปกคลุมใบหน้าอย่างผ้าพันคอหรือหน้ากากอนามัย โดยจะถอดออกได้ก็ต่อเมื่อไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ สมมติตอนนี้คุณยืนอยู่ที่สี่แยกและมีคนอื่นยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน หากคุณจะเดินเข้าไปใกล้พวกเขา คุณจำเป็นต้องสวมที่ปกคลุมใบหน้า”

ทั้งนี้ รัฐนิวยอร์กตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่ม 752 รายในชั่วข้ามคืน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 11,500 ราย เมื่อนับถึงช่วงบ่ายวันพุธ (15 เม.ย. 63)

แอนดรูว์ คัวโม กล่าวด้วยว่า รัฐนิวยอร์กจะปรับแก้รายงานยอดผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยนับรวมผู้ที่ถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากโรคนี้แต่ไม่เคยได้รับการตรวจโรค ซึ่งเป็นวิธีใหม่ที่นครนิวยอร์กได้เริ่มปรับใช้ไปแล้ว