วันที่ 9 เมษายน 2563 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคติดต่อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ที่ยังคงพบผู้ป่วยอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล และในอีกหลายจังหวัดทางภาคใต้ ภาคตะวันออก และกำลังจะเข้าเทศกาลสงกรานต์ ถึงแม้จะไม่ใช่วันหยุดแต่มีการคาดการณ์ว่า จะมีคนเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งจะทำให้การแพร่เชื้อโรคขยายเพิ่มมากยิ่งขึ้น อันน่าจะนำมาซึ่งความเสียหายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรง
- นครพนม เจอติดเชื้อโควิดรายแรก มาจากกรุงเทพฯ
- ผู้ว่าฯ นครพนม สั่งปิดเข้า-ออก 2 หมู่บ้าน 14 วัน
- นครพนมวุ่น สั่งกัก 13 พนักงานแม็คโคร พบวงจรปิด ป้าติดเชื้อเดินห้าง เร่งฆ่าเชื้อ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จึงเสนอคำสั่งห้ามบุคคลเดินทางเข้า-ออก ข้ามเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม เว้นแต่เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาล การทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค การป้องกันโรค การขนส่งสินค้าที่จำเป็น สินค้าอุปโภค บริโภค อุปกรณ์เครื่องมือเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ยานพาหนะเพื่อการกู้ชีพ กู้ภัยฉุกเฉิน รถพยาบาลและยานพาหนะของทางราชการ หรือได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ได้มอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นกรณีไป
สำหรับบุคคลที่จะได้รับการยกเว้น ต้องปฏิบัติตามมาตรการนี้
-กรณีเดินทางเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม ต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ หรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมายในท้องที่ที่ด่านตรวจคัดกรองตั้งอยู่
-กรณีต้องเดินทางออกจากพื้นที่จังหวัดนครพนม ต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ หรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย ในท้องที่ที่ผู้ขออนุญาตมีภูมิลำเนาหรือมีถิ่นที่อยู่นั้นๆ
-กรณีเป็นข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างของส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ออกหนังสือรับรองการปฏิบัติงานที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออก พร้อมบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวพนักงาน แสดงต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อพิจารณาให้บุคคลนั้นเดินทางเข้า-ออก ในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม
และบุคคลที่ได้รับการยกเว้น ต้องอยู่ภายใต้บังคับของข้อกำหนดซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2 และต้องปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด
เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยไว้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง(1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539
หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้ จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหรือเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น