
วันที่ 6 เมษายน 63 นายภัคพงศ์ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มีคำสั่ง จังหวัดภูเก็ตที่ 1829/2563
เรื่อง มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19
โดยระบุว่า โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
และกว้างขวางไปหลายประเทศทั่วโลก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563
- เรือด่วนเจ้าพระยาปรับตารางการการให้ริการใหม่ ตามสถานการณ์ฉุกเฉิน
- โควิด-19 ทำนายกฯอังกฤษ ทรุด ต้องรักษาตัวในไอซียู
- จับจริง! 623 รายผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ระหว่างวันที่ 3 – 6 เม.ย. 63

จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 และมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบข้อ7 (1)ประกอบข้อ 11 และข้อ 14 ของข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และข้อ 11 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการดำเนินการหรือออกคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2560 ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตตามมติที่ประชุมครั้งที่ 16 / 2563 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2563
จึงกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขอให้ผู้ใดที่จะออกนอกเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง และห้ามกระทำการหรือดำเนินการใดใดซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป
การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในทุกภาคส่วนเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อย่างเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทและอาจเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1)
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
สั่ง ณ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563