จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา เปิดให้บริการตามปกติ โดยพบว่ามีประชาชนมาเดินเลือกซื้อของกันเป็นจำนวนมาก ไม่หวั่นต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากนั้น
ต่อมา เพจ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ฉะเชิงเทรา ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าวว่า
"โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ฉะเชิงเทรา เปิดให้บริการร้านอาหารเฉพาะบริการสั่งกลับบ้านเท่านั้น ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้
ข้อมูล ณ วันที่ 6 เม.ย. 63"
และล่าสุด (6 เมษายน 2563) มีรายงานว่า นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกคำสั่งให้ขายอาหาร เครื่องดื่มในห้าง ศูนย์การค้า ห้างค้าปลีกได้ แต่ห้ามนั่งกินที่ร้านต้องซื้อกลับบ้าน
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขต ท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 แล้วนั้น
เนื่องจากได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 2)ให้มีมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงโดยเร็ว
ดังนั้น เพื่อให้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ของจังหวัดฉะเชิงเทรา มีความสอดคล้องกับข้อกำหนดดังกล่าวอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 ประกอบข้อ 2. (3) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทราจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ให้จำหน่ายอาหารและ/หรือเครื่องดื่ม ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ แต่ห้ามจัดให้มีที่นั่งรับประทานอาหารและ/หรือเครื่องดื่มภายในร้าน อนุญาตให้จำหน่ายอาหารและหรือเครื่องดื่ม เพื่อนำกลับไปรับประทานภายนอกห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เท่านั้น
ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ตามมาตรา 36 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คู่กรณีไม่อาจใช้สิทธิโต้แย้งคำสั่งนี้ได้
ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้มีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรา 368 แห่งประมวลกฎหมายอาญาต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 วันหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหรืออาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
- ถึงเวลาที่ผู้ใหญ่ของบ้านของเมืองต้องร่วมมือกัน ให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 นี้ไปได้
- โฆษก สตม.เผย ทุกคนที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัว 14 ขอทุกคนให้ความร่วมมือ
- โฆษก ศบค. เผย ยอดผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ 6 เม.ย. 63 ไม่อยู่บ้านตามเวลที่กำหนด กว่า 919 คน