รัฐตัดโควตาหน้ากากอนามัย “กู้ภัย” เหตุไม่ใช่ข้าราชการการ

เพราะ “กู้ชีพ กู้ภัย” ไม่ใช่ข้าราชการ ไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุข
นั่นคือเหตุผลของการถูกตัดโควตาหน้ากากอนามัย

เมื่อวานช่วงเย็นๆ พี่ๆ กู้ภัยที่สนิทส่งภาพเหล่านี้มาให้ดูก็รีบโทรกลับไปหาด้วยความตื่นเต้นว่า นี่พี่ต้องแต่งตัวเต็มขนาดนี้ไปเผาศพเหรอ เขาบอกว่าก็ศพไม่ธรรมดาเป็นศพที่ตายเพราะติดเชื้อโควิด และพื้นที่ที่เขาอยู่ก็ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดง เขาเล่าต่อว่า

“พี่เครียด พี่เครียดมากๆ พื้นที่ที่พี่อยู่เป็นพื้นที่สีแดงแล้ว ก่อนจะเอารถออกไปรับศพต้องแต่งตัวแบบนี้ พ่นยาฆ่าเชื้อรอบรถ พอไปถึงโรงพยาบาล ไปเปิดห้องเก็บศพก็ต้องพ่นฆ่าเชื้อที่ศพ ซีลศพเสร็จก็ต้องพ่นฆ่าเชื้อ เอาศพขึ้นรถก็ต้องพ่นฆ่าเชื้อ เอาศพลงจากรถก็ต้องพ่นฆ่าเชื้อ ถึงวัดเปิดประตูเมรุรีบเอาศพเผา เสร็จก็ต้องพ่นฆ่าเชื้อรถ ก่อนถอดชุดก็ต้องพ่นฆ่าเชื้อแล้วถอดชุดเผาไปพร้อมกับศพ รถก็ต้องล้างน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วจอดตากแดดไว้ 1 วัน เอารถมาใช้รับใครไม่ได้เลย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ออกเองหมด ค่าชุดก็ปาเข้าไปชุดละ 1,000 ใช้ครั้งเดียวทิ้ง…….แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ก็บอกว่า ห้ามบอกใครนะ ชาวบ้านแตกตื่นให้เงียบๆ” พอสัก 5 ทุ่ม พี่คนเดิมโทรกลับมาบอก ถูกรัฐบาลตัดโควตาหน้ากากอนามัย เพราะพวกพี่ไม่ใช่ข้าราชการ เพราะไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุข ตั้งแต่วิกฤติโควิด พี่น้องกู้ภัยเราก็ไม่เคยได้รับหน้ากากอนามัยจากรัฐอยู่แล้ว ซึ่งเขายอมรับสภาพและช่วยเหลือตัวเองกันอย่างที่สุด ในภาวะปกติเราช่วยเหลือทุกคนด้วยจิตอาสา เราเสียสละทุ่มเท แล้วถามว่า กู้ชีพ กู้ภัย ทำอะไรทำทุกอย่างเพราะโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล งานเขาล้นมือมากอยู่แล้ว เราเป็นแขนเป็นขาให้เขาดูแลประชาชนให้เต็มที่ ในส่วนของเราเป็นผู้เผชิญผู้ป่วยหน่วยแรก เป็นม้าเร็ว เป็นด่านหน้า ของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ถ้าเราถูกตัดโควตาอีก ไม่เกินอาทิตย์หน้า หน้ากากอนามัยที่มีอยู่จะหมด ถามว่าแล้วเราจะออกไปช่วยเหลือประชาชนได้ไหม มันกรีดหัวใจ บั่นทอนกำลังใจของเรา” นี่เป็นเสียงสะท้อนจากการสนทนาเมื่อคืนนี้ ถูกตัดโควตาหน้ากากอนามัย เพราะไม่ใช่ข้าราชการ เพราะไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุข เป็นกำลังใจให้พวกเขานะคะ ตัดโควตาหน้ากากอนามัย เหมือนตัดกำลังใจ เป็นกำลังใจไปกอดพี่ๆ ทุกท่านค่ะ