เปิดมาตรการเข้มตำรวจ หลังประกาศห้ามออกจากบ้าน 4 ทุ่ม-ตี4

เผยมาตรการเข้มของตำรวจ หลังประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน 4 ทุ่ม-ตี4 ย้ำฝ่าฝืนเจอคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่น

วันที่ 3 เมษายน 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงถึงข้อแนะนำการปฏิบัติตัวของประชาชนตามข้อกำหนดซึ่งออกตามความใน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่สอง) ดังนี้     

ภาพจากอีจัน

สืบเนื่องจากมีการออกข้อกำหนดห้ามมิให้มีการออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 22:00 น. ถึงเวลา 04:00 น. ของวันรุ่งขึ้น ทั่วราชอาณาจักร เว้นผู้ที่มีเหตุจำเป็น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ข้อกำหนดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดและลดการสัญจรของพี่น้องประชาชน ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกโดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเรียนชี้แจงทำความเข้าใจ ดังนี้

แนวทางการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

1.เพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ยังกระทำความผิดตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการบิดเบือนข้อมูล การหลอกลวง การกักตุนสินค้า และการขายสินค้าเกินราคา เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชน

2.ยกระดับจุดตรวจ ควบคุมการแพร่ระบาดระหว่างจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร จำนวนกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ เป็นจุดตรวจเข้มแข็ง จุดตรวจเคลื่อนที่ สายตรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว กระจายไปในทุกหมู่บ้าน ตำบล

-เพื่อป้องกันการปราบปรามอาชญากรรมและผู้กระทำความผิด
-ควบคุมการเดินทางเฉพาะเท่าที่จำเป็น
-และมีการร่วมปฏิบัติจากทุกฝ่ายทั้งตำรวจฝ่ายปกครอง สารวัตรทหาร และ กอ.รมน.จังหวัด เพื่อเสริมการทำงานของหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในการคัดกรองคนในพื้นที่กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ

พร้อมกันนี้ พลตำรวจโทปิยะ ยังฝากเตือนไปยังผู้ที่ยังคงฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยยังรวมกลุ่มมั่วสุม เสพยาเสพติด เล่นการพนัน รวมกลุ่มแข่งรถในทาง ลักลอบเปิดสถานบริการ กักตุนสินค้าบริการ การให้กู้ยืมเงินเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ

ทั้งนี้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการไปยังทุกสถานีตำรวจให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว และให้รีบเสนอสำนวนมีความเห็นเสนอพนักงานอัยการ สั่งฟ้องต่อศาลขอให้ศาลลงโทษในสถานหนัก และไม่รอการลงโทษ ในส่วนของกลางขอให้ศาลมีคำสั่งริบตามกฎหมาย และผู้กระทำความผิดที่มีประวัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อนขอให้ลงโทษสถานหนัก

ภาพจากอีจัน
พลตำรวจโทปิยะ กล่าวต่อว่า ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22:00 น. ถึง 04:00 น. เว้นมีเหตุจำเป็น

สำหรับในกรณีจังหวัดที่มีการออกประกาศสั่งห้าม เตือน หรือแนะนำอื่นใด ในลักษณะเดียวกันที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่านี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นด้วย ทั้งนี้มีข้อยกเว้นให้แก่
1.ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์
2.ผู้ปฏิบัติงานด้านการธนาคาร
3.การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร
4.การขนส่ง ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์
5.การขนส่งหนังสือพิมพ์
6.การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง
7.การขนส่งพัสดุภัณฑ์
8.การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก
9.การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศ
10.การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ
11.การเดินทางมาหรือไปท่าอากาศยาน
12.เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของทางราชการ

13.ผู้ที่มีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังจะต้องมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย จึงขอให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว