นนทบุรีเพิ่ม 4 มาตรการ ลดความเสี่ยงการระบาดของโควิด-19

ผู้ว่าฯนนทบุรี เพิ่ม 4 มาตรการ ห้ามผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงออกจากบ้าน-งดกิจกรรมงานบุญต่างๆ เน้นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดมากขึ้น

จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด- 19 ซึ่งตอนนี้มีการแพร่ระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจำนวนมาก กระจายตัวอยู่ใน 59 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือกรุงเทพฯและปริมณฑล และหนึ่งในนั้นคือ จังหวัดนนทบุรี ทางจังหวัดจึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว

ภาพจากอีจัน
วานนี้ (30 มี.ค. 2563) นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้มีคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงเพิ่มอีก 37 แห่ง และควบคุมเวลาเปิดปิดของร้านสะดวกซื้อ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง พร้อมทั้งออกมาตรการตามความในมาตรา 9 แห่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ดังนี้

ข้อ 1 ให้ผู้สูงอายุตั้งแต่หกสิบปีขึ้นไป กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคระบบหางเดินหายใจโรคภูมิแพ้ ซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ำตามธรรมชาติของโรคและด้วยยาที่ใช้รักษา อยู่แต่ในเคหสถานหรือที่พำนักของตน

ยกเว้นกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน อันอาจหลีกเลี่ยงได้ หรือผู้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีอายุไม่เกิน 70 ปี โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ ทางราชการกำหนดในข้อ 11 ของข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2588 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563

ข้อ 2 ให้บุคคลผู้ใกล้ชิดหรือผู้ดูแลบุคคลตามข้อ 1 ผู้สูงอายุตั้งแต่หกสิบปีขึ้นไป กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคระบบหางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ ซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ำตามธรรมชาติของโรคและด้วยยาที่ใช้รักษา ดูแลผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ตามข้อแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวฯ โดยตรง

ข้อ 3 ให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งเมื่อออกจากเคหะสถานหรือที่พำนักของตน

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ข้อ 4 ให้งดการจัดงานที่มีการรวมกันของคน ยกเว้นแต่มีความจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ให้จัดงานเท่าที่จำเป็นให้มีผู้มาร่วมงานเฉพาะญาติใกล้ชิด หรือเท่าที่จำเป็น โดยมิให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปหรือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวมาร่วม ทั้งนี้ ในการจัดพิธีดังกล่าวให้ดำเนินการดังนี้ด้วย (1.)ให้ทำความสะอาดโดยการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการจัดกิจกรรม และให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน (2.) ให้เจ้าหน้าที่ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ลูกจ้าง ผู้ใช้บริการสวม หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า (3.) ให้ผู้จัดงานจัดให้มีอุปกรณ์สำหรับล้างมือหรือจุดล้างมือ และให้บุคคลตาม (2) ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอลล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทุกครั้งที่มีการสัมผัสคน สัตว์ สิ่งของ หรืออุปกรณ์ภายในงาน (4.) ให้บุคคลตาม (2) เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยสองเมตรเพื่อป้องกันการติดต่อ สัมผัส หรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย (5.)ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักการหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน (6.) พิธีทอดผ้าไตรบังสุกุลให้เจ้าภาพพิจารณาเท่าที่จำเป็น โดยควรทอดไตรละไม่เกิน 1 คน (7.) กรณีที่ไม่ได้กำหนดไว้ในประกาศนี้ให้ปฏิบัติตามข้อควรปฏิบัติในการจัดงานบรรพชาอุปสมบท งานมงคลสมรส และงานฌาปนกิจศพในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ของกระทรวงวัฒนธรรม

ข้อ 5 ให้เจ้าของ ผู้ดูแล หรือผู้ควบคุม กำกับ สถานที่ก่อสร้าง สถานที่ทำงาน จัดให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 โดยอย่างน้อยต้องจัดให้มีมาตรการ ดังนี้
(1.)ให้เจ้าของ หรือผู้ควบคุม กำกับ ดูแล ลูกจ้าง คนงาน ที่อยู่ในบริเวณสถานที่ก่อสร้างหรือที่ทำงานสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา
(2.) ให้ผู้จัดงานจัดให้มีอุปกรณ์สำหรับล้างมือหรือจุดล้างมือ ด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
(3.) ให้ควบคุมไม่ให้เกิดการแออัดในสถานที่ทำงาน โดยถือหลักการหลึกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน

ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2563

(นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์)
ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี

ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนนทบุรี