ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ หรือโควิด-19 (Covid-19) ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2562 และระบาดมากขึ้น จนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) เพราะนอกจากแพร่ระบาดไปนอกเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีนแล้ว ก็ยังระบาดไปทั่วประเทศจีน และทั่วโลกมากกว่า 199 ประเทศ และดินแดนต่างๆ จนมีจำนวนสะสมของผู้ป่วยมากกว่า 677,705 คน และ ผู้เสียชีวิตมากกว่า 31,737 คน (ข้อมูลวันที่ 29 มีนาคม 2563)’
อ่านข่าวเก่า
- สนามบินสุวรรณภูมิร้าง ไร้ผู้คน
- จนท.ตม. รวมกำลัง Big Cleaning สนามบินสุวรรณภูมิ
- ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพุ่ง 723,732 คน
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 เพื่อควบคุมมิให้ไวรัสแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง ความหวาดกลัวและความรู้สึกไม่ปลอดภัยจากโรคระบาด ทำให้มีผู้โดยสารโดยสายการบินน้อยลง การห้าม ผู้โดยสารต่างประเทศเข้าประเทศ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นโยบาย Work from Home เพื่อให้ประชาชนอยู่กับบ้าน โดยไม่เดินทางที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของไวรัสมากขึ้น ล้วนส่งผลกระทบต่อธุรกิจสายการบินของประเทศไทยอย่างหนัก บริษัทสายการบินราคาประหยัดหลายบริษัทออก ประกาศลดหยุดบินชั่วคราว และล่าสุด บมจ.การบินไทย ได้ประกาศหยุดบินชั่วคราว ทั้งเส้นทางในภูมิภาค ยุโรปและออสเตรเลีย จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2563 เหตุการณ์เหล่านี้ กระทบต่อแรงงานหลายหมื่นคน ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมการบิน ลูกจ้างสัญญาจ้างหลายเเห่งถูกเลิกจ้าง พนักงานประจำถูกกดดันให้ลดเงินเดือนค่าจ้าง
1. ขอให้นายจ้างในกิจการการบินจัดให้มีเวทีปรึกษาหารือร่วมกับสหภาพแรงงาน เพื่อร่วมกำหนดนโยบาย ความอยู่รอดของบริษัท หากนโยบายดังกล่าวกระทบต่อสภาพการจ้างของลูกจ้าง/พนักงานของบริษัท ขอให้พิจารณากำหนดนโยบาย บนหลักการกฎหมายแรงงาน มาตรฐานแรงงานในระดับสากลเเละหลักมนุษยชน เพื่อให้ลูกจ้างพนักงานได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
2. ขอให้นายจ้างในกิจการการบินที่มีการประกาศหยุดงานชั่วคราว กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อเรียกลูกจ้างพนักงานกลับเข้าทำงานตามเดิม ภายหลังสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ดีขึ้น เพื่อป้องกันการบังคับใช้มาตรการที่นำไปสู่การเลิกจ้าง หรือลอยแพคนงาน อย่างไม่เป็นธรรม จากวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้
3. ขอให้นายจ้าง โดยเฉพาะ บริษัท Outsource หรือบริษัทที่รับเหมาช่วงเหมาค่าแรงทุกบริษัทในกิจการการบิน ดูแลลูกจ้างของบริษัท ซึ่งมีลักษณะงานไม่มั่นคง (Precarious work) โดยการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องไม่ข่มขู่กดดัน หรือบังกับให้ถูกจ้างเขียนใบลาออกจากงาน เพื่อเจตนาหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างและการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้แก่ถูกจ้าง โดยอาศัยสถานการณ์โรคระบาดนี้ ในการละเมิดสิทธิแรงงานและปฏิบัติต่อคนงานเเบบไร้มนุษยธรรม
4. ขอให้นายจ้างในธุรกิจกิจการการบินจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือ หน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ป้องกันที่เพียงพอให้กับลูกจ้าง/พนักงานที่ยังคงปฏิบัติงานที่สนามบินในการบริการแก่ผู้โดยสาร มีความปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่อาจจะได้รับไวรัสจากการปฏิบัติงาน
พันธมิตรสหภาพแรงงานคนทำงานสนามบิน สรส. และ กสรท. เข้าใจถึงสถานการณ์ความยากลำบาก ที่ส่งผลกระทบกับ เศรษฐกิจ สุขภาพ ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทย และประชาชนทั่วโลกในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้ภาคกิจการบินและคนทำงานสนามบินทุกคน ก้าวผ่านอุปสรรคและวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน ด้วยความเชื่อพลังความสามัคคีและพลังศรัทธาของพวกเราทุกคน