จุรินทร์ เอาจริง! จับขายไข่แพง – วอน ปชช. อย่ากักตุนไข่ไก่

จุรินทร์ ลุยจับคนฉวยโอกาส ขายไข่แพงซ้ำเติมวิกฤตโควิด-19 พร้อมขอ ปชช. อย่ากักตุนไข่ไก่

วันที่ 27 มีนาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)

ภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องของไข่ไก่หลังจากที่ได้ลงนามในประกาศห้ามส่งออกไข่ไก่ไปนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมา วันนี้ก็เลยจะต้องดำเนินการมาตรการตามกฏหมาย คือจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพื่อให้ความเห็นชอบ

ภาพจากอีจัน

ซึ่งที่ประชุมก็ได้มีความเห็นชอบและให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธาน กกร. สามารถใช้ดุลพินิจในการที่จะขยายเวลาไปได้รวมทั้งหมดตั้งแต่วันประกาศไม่เกิน 30 วัน หากว่ามีความจำเป็นต้องห้ามส่งออกนานกว่านั้นก็จะต้องกลับมาขออนุมัติที่ประชุมใหม่

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับปริมาณการผลิตไข่ไก่นั้น จะมีการผลิตวันละประมาณ 41,000,000 ฟองและบริโภคในประเทศประมาณ 39,000,000 ฟองในภาวะปกติ เพราะฉะนั้นมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการคือทำอย่างไรที่จะให้ไข่ไก่ที่ผลิตได้วันละ 41,000,000 ฟอง ซึ่งผลิตได้ในแต่ละวันสามารถสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งนี่เป็นประเด็นที่มาของมาตรการที่หนึ่งคือการห้ามส่งออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีข้อมูลบางส่วนว่าอาจจะมีการลักลอบส่งออกตามบริเวณชายแดน ซึ่งจะทำให้ปริมาณขายในประเทศไม่เพียงพอต่อการบริโภค และประการถัดมาก็คือสำหรับผู้ที่กักตุนไข่ไว้ทำให้ไข่ไม่สามารถออกสู่ตลาดเพื่อสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้นั้นจะถูกดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด ทั้งในข้อหากักตุน และค้ากำไรเกินควร ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึงเจ็ดปีปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ประเด็นปัญหาที่ไข่ในตลาดในขณะนี้ยังมีไม่เพียงพอเนื่องจากว่า ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยมีความต้องการที่จะซื้อไข่ไปเก็บไว้เพื่อบริโภคที่บ้าน ในปริมาณที่มากกว่าปกติซึ่งตัวเลขที่กรมการค้าภายในได้ติดตามในช่วงเวลาไม่กี่วันมานี้พบว่า มีความต้องการสูงขึ้นถึงสามเท่าจากภาวะปกติที่ปริมาณการผลิตไข่วันละ 41,000,000 ฟอง มีเพียงพอ และบางช่วงเหลือส่งออกด้วยซ้ำ ทั้งนี้มีบางช่วงรัฐบาลเคยช่วยส่งเสริมการส่งออกและช่วยอุดหนุนการส่งออกฟองละ 46 สตางค์

ดังนั้นหลายห้างสรรพสินค้าในขณะนี้จึงใช้มาตรการจำกัดปริมาณการซื้อไม่ให้ซื้อไปเก็บไว้สำหรับคนคนเดียวมากเกินไปทำให้คนอื่นไม่มีโอกาสได้ซื้อและเท่าที่ติดตามจะมีไข่ชุดใหม่ออกมาสู่ตลาดทุกๆ วัน

"ขณะนี้หัวใจสำคัญคือสำหรับผู้ที่กักตุนทำให้ไข่ขาดตลาดและพวกที่คิดจะลักลอบนำไข่ออกไปบริเวณชายแดนรวมทั้งผู้ที่ขายเกินราคาจะต้องถูกดำเนินคดีโดยเด็ดขาด โดยคณะกรรมการป้องกันการกักตุนสินค้าและการค้ากำไรเกินควร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งถึงขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานนอกจากคดีที่ จังหวัดพิษณุโลก ที่ค้ากำไรเกินควร และยังมีที่เขตราชเทวีคือ ร้านไข่ไก่สวนฟาร์มกิตติคุณ ซึ่งขายไข่ไก่เบอร์ศูนย์ราคา 200 บาทต่อแผงและได้ส่งดำเนินคดีที่ สน.ดินแดงแล้ว และร้านเจ๊ใหญ่ที่อำเภอเมืองปทุมธานี ขายไข่ไก่แผงละ 170 บาท ซึ่งถือเป็นการค้ากำไรเกินควร และร้านข้างตลาดบ่อนไก่อำเภอเมืองจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งขายไข่ไก่เบอร์สามแผงละ 130 บาท เบอร์สองแผงละ 145 เบอร์หนึ่งแผงละ 150 บาท โดนข้อหาค้ากำไรเกินควร

หรือในกรณีที่ร้านตลาดเทศบาลสามอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์และตลาด ณ ท่าศาลา อำเภอท่าใหม่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคาถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน สำหรับตลาดท่าใหม่ นอกจากไม่ติดป้ายราคาแล้วยังมีการจำหน่ายไข่ไก่เบอร์ศูนย์แผงละ 180 บาท เบอร์หนึ่งแผงละ 170 บาท เบอร์สองแผงละ 160 บาท จึงโดนข้อหาค้ากำไรเกินควรด้วยสำหรับที่ตลาดเลิศนิมิต อำเภอบางใหญ่ แผงชื่อ ก.ขายไข่ ขายไข่ไก่เบอร์ศูนย์แผงละ 180 บาท ถูกดำเนินคดีค้ากำไรเกินควร และร้านทวีทรัพย์จังหวัดอ่างทอง ซึ่งค้ากำไรเกินควรขายไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 180 บาทต่อแผง และโดยนโยบายได้มีการสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินคดีโดยเคร่งครัดรวมทั้งสกัดกั้นการลักลอบส่งออกตามบริเวณชายแดนด้วย" นายจุรินทร์ กล่าว

ภาพจากอีจัน

และล่าสุดวันนี้ที่จังหวัดนครปฐม กำลังดำเนินคดีกับฟาร์มซึ่งขายไข่ไก่หน้าฟาร์มในราคา 3.80 บาท จากราคาที่สมาคมประกาศฟองละ 2.80 บาท

พร้อมกันนี้ นายจุรินทร์ ได้ฝากเตือนไปยังผู้ที่ฉวยโอกาสซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชนในขณะนี้ว่า

"ผมไม่อยากเห็นการแสวงหาประโยชน์ที่เท่ากับเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชนในภาพรวมเพราะว่าเมื่อถูกดำเนินคดีแล้ว รายได้อาจจะไม่ถึงจะมากหรือจะน้อยสุดแล้วแต่ แต่ช่วงเวลานี้เราจะเห็นได้ชัดว่าศาลพิพากษาจำคุกจริงๆ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่คุ้มกันกับการเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้าที่ได้รับมา

สำหรับพี่น้องประชาชนผู้บริโภคอยากขอให้ช่วยซื้อเท่าที่รับประทานได้ในช่วงเวลาไม่นาน และออกไปซื้อใหม่ซึ่งจะช่วยให้หลายๆท่านจะมีโอกาสนำไปบริโภคได้หลายรายมากขึ้น" นายจุรินทร์ กล่าว

สำหรับเจลล้างมือนั้น ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ออกประกาศที่กำหนดว่าเจลล้างมือที่วางขายตามท้องตลาดจะต้องมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่น้อยกว่า 70% ทำให้เจลส่วนหนึ่งที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ไม่ถึงร้อยละ 70 จะต้องถูกเก็บออกจากตลาดไป ช่วงรอยต่อนี้ทำให้เจลขาดตลาดมาก

ภาพจากอีจัน

ขณะเดียวกันการผลิตเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไปจะมีความจำเป็นต้องนำแอลกอฮอล์ที่ผลิตเป็นเอทานอลออกมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต แต่ขณะนี้แม้ว่ากรมสรรพสามิตจะได้ผ่อนคลายกฎระเบียบว่าให้สามารถนำเอทานอลมาใช้ในการผลิตเจลล้างมือได้แล้วโดยให้สามารถซื้อได้ไม่เกิน 5,000 ลิตรต่อหนึ่งใบอนุญาต แต่ในขั้นตอนกระบวนการปฏิบัติอย่างค่อนข้างซับซ้อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่จะขอซื้อเอทานอลเพื่อไปผลิตเจลนั้นอาจจะต้องไปขออนุญาตจากสรรพสามิตในจังหวัดที่ตนเองมีภูมิลำเนา หรือเมื่อได้ใบอนุญาตแล้วจะต้องไปขออนุญาตที่จะซื้อเอทานอลในจังหวัดที่โรงงานเอทานอลตั้งอยู่ด้วย

และในการที่จะขนเอทานอลหลังจากซื้อจากโรงงานแล้วก็จะต้องมีขั้นตอนกระบวนการใบขับขี่ของคนขับหลายขั้นตอนซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในเรื่องของการปฎิบัติ

ภาพจากอีจัน

นอกจากนี้ กรมการค้าภายใน ยังเสนอให้มีการตั้งศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ที่โรงงานผลิตเอทานอล เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเอทานอล เพื่อนำมาผลิตเจลเพื่อให้ผลผลิตออกสู่ตลาดได้รวดเร็วขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งคือการให้เจลที่ออกสู่ตลาดมีการปรับเปลี่ยนแพคเกจ จากขวดที่มีหัวปั๊มมาเป็นในรูปแบบของถุง ก็จะช่วยให้สามารถผลิตและออกสู่ตลาดได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งกรมการค้าภายในจะได้ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมสรรพสามิตเพื่อให้เจลออกสู่ตลาดได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่วนผู้ที่ขายเกินราคาเกินควรก็จะต้องถูกดำเนินคดีต่อไปเช่นกัน นายจุรินทร์ กล่าวในตอนท้าย