กรมการขนส่งทางบก ประกาศห้ามผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสารทุกประเภท ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ด้วยรถโดยสารสาธารณะ ต้องให้ข้อมูลที่พักที่สามารถติดต่อได้ มีอุณหภูมิร่างกายสูง เกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ห้ามเดินทาง
26 มีนาคม 2563 นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยยังไม่คลี่คลายและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้มาตรการปฏิบัติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถสาธารณะและผู้โดยสาร จึงกำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนที่จะใช้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าก่อนขึ้นรถโดยสารและตลอดการเดินทาง
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งควบคุมกำกับผู้ประกอบการขนส่ง ให้จัดเก็บข้อมูลผู้โดยสารทุกคนอย่างเคร่งครัด และต้องจัดส่งข้อมูลให้สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือนายสถานีขนส่งผู้โดยสาร ทั้งยังมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทั้งต้นทางและปลายทาง หากตรวจพบผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูง เกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด และประสานหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เข้าดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
ในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งนั้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องดำเนินการตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เข้มงวด ตรวจสอบห้ามมิให้ผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสารเด็ดขาด หรืออาจอำนวยความสะดวกในการจัดหาหน้ากากมาจำหน่ายราคาประหยัดให้ผู้โดยสารที่ไม่มีหน้ากากสามารถซื้อก่อนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า หากผู้โดยสารไม่ให้ความร่วมมือในการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิก่อนใช้บริการ ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ผู้ประกอบการขนส่งสามารถปฏิเสธการให้บริการได้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะคลี่คลายหรือมีการประกาศเปลี่ยนแปลง หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548