“ตูมตาม ยุทธนา” เผยสถานะหัวใจ ตอนนี้มีคนคุย 2-3 คน โสดแต่ไม่เหงา

“ตูมตาม ยุทธนา” เผยสถานะยังโสด แต่ตอนนี้หัวใจกลับมาสดใสอีกครั้ง มีคนคุย 2-3 คน

นักร้อง นักแสดงมากความสามารถ ตูมตาม ยุทธนา หรือ ตูมตาม เดอะสตาร์ 7 ที่กว่าจะมีวันนี้ได้เจ้าตัวต้องดิ้นรนจนเกือบไม่ได้เรียน เพราะที่บ้านค่อนข้างลำบาก เป็นหนี้เกือบล้าน

ล่าสุด ตูมตาม ควง คุณพ่อ คุณแม่ มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บ show ทางช่อง one31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร

ภาพจากอีจัน

เจอผลกระทบไหม?

ตูมตาม : จริงๆ มันเจอมาได้สักพักแล้ว เพราะว่าตั้งแต่เริ่มต้นที่มีการแพร่ระบาด งานอีเว้นต่างๆ ผมยกเลิกหมดเลยครับ และนี่คือรายการสุดท้ายของเดือนนี้ แล้วเดือนหน้ายังไม่มีแพลนอะไรด้วย

หลายคนคิดว่าตูมตามเป็นคนอีสาน แต่ไม่ใช่คุณเป็นคนที่ไหน?
ตูมตาม : ผมเกิดและโตที่นครสวรรค์ ที่บ้านเป็นอำเภอใหม่ที่มีคนจากหลายจังหวัดมารวมตัวกัน แล้วหลักๆ จะเป็นคนอีสานที่มาอยู่ แล้วจะคุยกันภาษาอีสาน และผมก็พูดภาษาอีสานตั้งแต่เด็ก

มาเริ่มเข้าเวทีเดอะสตาร์ทั้งที่ไม่ชอบการประกวดเลย?
ตูมตาม : ใช่พี่ คือด้วยเหตุผลหนึ่งในการใช้ชีวิตของผมมันเป็นเพราะว่าเรารับรู้ปัญหาในครอบครัวตลอด พอทีนี้ถึงจุดหนึ่ง จุดที่ต้องใช้เงินเยอะมากขึ้น คุณพ่อ คุณแม่ก็เริ่มไม่สบาย พี่ชายเรียนวิศวะ ผมก็ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แล้วผมก็รู้สึกว่ามันไม่มีเงิน แล้วผมก็โอเค…เรื่องเรียนเอาไว้ก่อนก็ได้ ตอนนั้นผมจบ ม.6 ก็เลยบอกคุณพ่อ คุณแม่ว่าเดี๋ยวจะช่วยงานหาเงินเพื่อส่งพี่ชายให้เรียนจบก่อน เขาจะได้เอาเงินมาส่งผมต่อ แต่เราโชคดีที่ได้ใช้โควต้าการเป็นนักร้อง ที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ได้เรียนฟรี แต่ก่อนหน้านั้น เราเป็นเด็กต่างจังหวัดก็จริง แต่เราคิดต่างนะ เราคิดว่าถ้ามีโอกาสตรงไหนก็อยากไปประกวดเพื่อจะช่วยครอบครัว ทีนี้ เดอะสตาร์ ปี 6 เปิดพอดีในช่วงที่ผมอยากจะประกวด ผมก็ไปประกวดแต่ตกรอบ แต่พอปีที่ 7 เป็นช่วงที่ผมย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ก็เลยมาประกวดอีกที และได้เข้ามาเป็นเดอะสตาร์ ปีที่ 7 คือทุกครั้งก็จะคุยกับคุณพ่อ คุณแม่ตลอด เขารู้ดีว่าผมไม่ชอบการประกวด ผมไม่กล้าแสดงออก เขาก็เลยบอกมีเวทีประกวดลูกทุ่งที่วัดไปประกวดให้ดูก่อน ตอนนั้นผมได้ที่ 2

ภาพจากอีจัน

พ่อ-แม่ ภูมิใจไหมที่ลูกได้รางวัลตอนนั้น?

แม่ : ภูมิใจมากค่ะ
พ่อ : ไม่เคยคิดว่าเขาจะได้ คือเขาเป็นคนที่ทำอะไรเนี่ยไม่ค่อยเป็นชิ้น เป็นอัน ผมก็เลยไม่ค่อยมั่นใจ

ชีวิตก่อนเป็นศิลปินกับหลังเป็นศิลปินต่างกันขนาดไหน?
ตูมตาม : ต่างกันโดนสิ้นเชิงเลยครับ คือด้วย 1.คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ต้องทำงานแบบหาเช้ากินค่ำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนประกวดคุณแม่ขายน้ำพริก ขายผลิตภัณฑ์แปรรูปทุกอย่างจากเนื้อสัตว์ แล้วก่อนหน้านั้นก็จะเป็นโรงเชือดแล้วก็ขายหมู แต่พอหลังจากที่ผมมาประกวดคุณพ่อ คุณแม่ก็เริ่มหยุดแล้ว ก็จะไม่ได้ทำงานหนักแล้ว ผมก็จะเป็นคนดูแล เป็นกำลังหลัก

พ่อ : เขากลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้พ่อ แม่ได้พักผ่อนขึ้น พี่ชายก็เรียนจบด้วยดี

ภาพจากอีจัน
เห็นว่าครอบครัวเคยเป็นหนี้หลายล้าน? ตูมตาม : เกือบล้านครับ เมื่อก่อนถ้าเงิน 7-8 แสนตอนนั้นมันคือภาระหนักมากสำหรับคนต่างจังหวัด คนที่หาเช้า กินค่ำ

หนี้เกิดจากอะไร?
แม่ : เกิดจากส่งลูกเรียน
พ่อ : แล้วก็เอามาลงทุนขายปุ๊บได้กำไรก็เอามาส่งลูกเรียน ไม่พอก็เอาทุนลงไปด้วย ก็เลยขาดไปเรื่อยๆ

ตอนนั้นคุณพ่อ คุณแม่ลำบากไหม?
แม่ : ลำบากมากเลยเพราะว่านอนน้อย นอนดึก ตื่นเช้าเพื่อไปทำโรงเชือด

ตูมตาม : ช่วงที่หนักสุดๆ คงจะเป็นช่วงที่หมูเป็นๆ ราคาสูง มันเป็นช่วงที่มีโรคระบาด การไปซื้อหมูที่ฟาร์มมีราคาสูง แต่ว่าพอมาถึงหน้าเขียงจริงๆ ในตลาดเราไม่สามารถอัพราคาได้ เพราะลูกค้ายังซื้อราคาเดิมอยู่ มันก็เลยขาดทุน

ตอนเข้ามากรุงเทพฯตอนนั้นยังไม่ดังเลย?
ตูมตาม : ยังครับ จริงๆ ผมเข้าวงการตอนเทอม 2 ของปี 1

ภาพจากอีจัน
ตอนนั้นลำบากไหม? ตูมตาม : ลำบากครับ คุณพ่อ คุณแม่ มีเงินส่งให้ผมเดือนละ 4 พัน และเงิน 4 พัน คือกินกับเรียน จิปาถะผมไม่มีเลย ผมเลยใช้ชีวิตอยู่ในหอในมหาวิทยาลัยตลอด แล้วผมก็ กู้ กยศ. ถามว่าพอไหม พอครับ พอเฉพาะกินอยู่ บางทีเราก็แบ่งเงินไปซื้อข้าว ไข่ มาม่า เพื่อหุงกินเอง

ถ้าเรามองกลับไปตอนนี้คิดว่ามันเป็นรสชาติของชีวิตไหม ถ้าเลือกได้เราอยากจะกลับไปผ่านจุดนั้นอีกไหม?
ตูมตาม : ดีใจมากที่ผ่านจุดนั้นมา เพราะมันทำให้ผมรู้จักคิดในการเอาชีวิตรอดกับสถานการณ์ตรงหน้า โดยไม่นั่งกล่าวโทษ แต่พอเรามามองตอนนี้ เออ…ตอนนั้นมันลำบากนะ แต่ ณ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย

แล้วตอนนั้นได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นไหม ได้ไปเที่ยวไหม?
ตูมตาม : คือถ้าอยากไปจริงๆ เราก็ไป แล้วเราก็มาเมเนจการเงินของเราเอง

สมัยก่อนเป็นเด็กแว้นด้วยเหรอ?
ตูมตาม : ครับพี่ แว้นแข่งรถเลย

ภาพจากอีจัน
สถานะหัวใจเป็นยังไง? ตูมตาม : ตอนนี้เริ่มกลับมาชมพูๆ เหมือนเดิมแล้ว หมายถึงว่าเมื่อก่อนเราก็ทรงๆ ยังไม่ได้อะไร ตอนนี้ก็เหมือนพร้อมที่จะเปิดรับความรัก แต่ว่ายังไม่มีอะไรเข้ามา

ยังไม่มีเข้ามาเลยเหรอ?
ตูมตาม : มีครับ แต่เรากลับกลายเป็นคนที่เลือกมากขึ้น เวลาที่เลือกเนี่ย ผมไม่ได้เลือกว่าเขาดีไม่ดีนะ ผมเลือกว่าคนที่จะเหมาะกับเราที่สุด ตอนนี้ผมมองไปถึงครอบครัวแล้ว พ่อก็อยากอุ้มหลาน

ภาพจากอีจัน

ตอนนี้คุยกี่คน?

ตูมตาม : เรายังไม่ให้สถานะใคร แต่ว่าเราก็คุย นับว่าเป็นเพื่อน ก็มี 2-3 คนแค่นั้น

แล้วใน 3 คนมีใครเหมาะเป็นแฟนไหม?
ตูมตาม : ก็มีบางคนที่เรารู้สึกว่าสบายใจที่จะอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ผมยังโสดอยู่ครับ

ภาพจากอีจัน