(17 มี.ค.63) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่กรุงดามัสกัส ประเทศรัสเซีย รัชดี เนเดอร์ (Rushdy Nader) ผู้เดินทางกลับประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 14 มี.ค.63 ที่ผ่านมา หลังจากเดินทางไปทำธุรกิจที่อิรักนาน 7 เดือน โบกมือและชนข้อศอกกับครอบครัวที่มาต้อนรับที่สนามบิน โดยไม่ได้จูบหรือกอดเหมือนอย่างเคย
เกือบทุกคนที่เดินทางกลับจากอิรักต่างก็ทำเช่นเดียวกันกับญาติที่มาเฝ้ารอ เนื่องจากตอนนี้ชาวซีเรียต่างกังวล เรื่องสุขอนามัยมากขึ้น เพราะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ทั้งนี้ การเปลี่ยนรูปแบบการทักทายเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายในตอนแรกเริ่ม เพราะการจูบและกอดเป็นธรรมเนียมการทักทายที่ชาวอาหรับคุ้นเคย
“ธรรมเนียมการทักทายของเราแสดงถึงความรักและความเป็นมิตร แต่ตอนนี้ทุกคนต่างกังวลกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ปกติเราจะจูบแก้มเพื่อนและกอดแสดงความรัก… แต่ตอนนี้ความกลัวโรคระบาดได้พรากเราจากการแสดงความรู้สึกนี้ ” เนเดอร์กล่าวกับสำนักข่าวซินหัว
และเมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 ผู้โดยสาร 16 คนและลูกเรือ 17 คน ที่โดยสารเครื่องบินจากอิรักมาถึงกรุงดามัสกัส ถูกพาไปยังศูนย์กักกันโรคที่ย่านอัล-ดูแอร์อันห่างไกลในชนบทของกรุงดามัสกัส หลังจากตรวจพบว่าผู้โดยสารรายหนึ่งมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37 องศาเซลเซียสเล็กน้อย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงศาสนสมบัติของซีเรียระงับการละหมาดในมัสยิด และรัฐบาลซีเรียสั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไปจนถึงเดือนเมษายน อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในซีเรีย
- ประกาศปิดวัดโสธรวราราม วรวิหาร หลังมีการแพร่ระบาดในพื้นที่ฉะเชิงเทรา
- หน้ากากอนามัย 500,000 ชิ้นจากจีน ส่งถึงสเปนแล้ว
- รองโฆษก ตร. เผย สั่ง ตม. ตรวจเข้ม คัดกรอง นทท.จากประเทศเสี่ยง
- สตช.พร้อมดำเนินการตามมติ ครม. สู้โควิด-19