นายกฯ เผย ชาวต่างชาติยังเข้าไทยได้ แต่ต้องมีใบรับรองแพทย์

นายกฯ ยืนยันยังไม่ปิดประเทศ-ปิดเมือง ใครเข้าประเทศต้องมีใบรับรองแพทย์

วันนี้ (17 มี.ค.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวหลังประชุม ครม. เรื่องการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) มีมติ ครม. คือ "ไม่มีการปิดเมือง หรือปิดประทศ ในเรื่องการห้ามเข้า-ออก"

ภาพจากอีจัน
แต่มีมาตรการ การป้องกัน และสกัดกั้นการนำเชื้อเข้าสู่ประทศไทย คือ

ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย ขาเข้าต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน ต้องมีประกันสุขภาพ และต้องยินยอมใช้ Application ติดตามของรัฐ ซึ่งมาตรการนี้ใช้กับการเข้าเมืองทุกทาง ทั้งทางบก-น้ำ และ อากาศ

ส่วน ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง (แต่ยังไม่ประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย)
ขาเข้าประเทศไทยต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน, ต้องมีประกันสุขภาพ, มีที่พำนักที่สามารถติดต่อได้ในประเทศไทย, ยินยอมใช้ Application ติดตามของรัฐ

ห้ามข้าราชการ พนักงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ เดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น
และเตือนประชาชนให้งดการเดินทางไปในประเทศซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตราย และพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง

และยังประกาศ ปิดชั่วคราวสำหรับสนามมวย สนามกีฬา สนามม้า ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกาศปิด 14 วัน สำหรับ ผับ สถานบันเทิง สถานบริการ นวดแผนโบราณ และโรงภาพยนตร์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล งดจัดคอนเสิร์ต การจัดงานแสดงสินค้าต่าง ๆ กิจกรรมทางศาสนาวัฒนธรรม และกีฬา โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วย

ภาพจากอีจัน
ส่วนสถานที่ที่ยังต้องเปิด ต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน ลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อในสถานที่ที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานที่ราชการ และรัฐวิสาหกิจ โดยดำเนินการตามมาตรการป้องกันที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด 53 ร้านค้า ร้านอาหาร ให้มีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส การคัดกรองอุณหภูมิ การใช้หน้ากากอนามัย รวมทั้งลดความแออัด "ลดความแออัดในการเดินทาง เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรค"

รวมถึงยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ ได้แก่ งดวันหยุดสงกรานต์ วันที่ 13 – 15 เมษายน 2563 โดยให้เลื่อนออกไปก่อน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยจะชดเชยวันหยุดให้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ภาพจากอีจัน
ลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อในระบบขนส่งสาธารณะในประเทศ และเพิ่มความถี่ของการเดินรถ

งดกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายคนข้ามจังหวัดของหน่วยงานที่มีคนจำนวนมาก เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ โรงเรียน หรือหากจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ของโรค รวมถึงการจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวด้วย

นอกจากนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณามาตรการเหลื่อมเวลาทำงานและการทำงานที่บ้าน และส่งเสริมให้ใช้ระบบอินเทอร์เน็ต เช่น ประชุมทางไกล โดยให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยทำแผนการทำงานจากบ้านและรายงานผลการปฏิบัติต่อศูนย์ฯ "เพิ่มกลไกการกำกับดูแลในระดับพื้นที่มากยิ่งขึ้น"

ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 35 เพื่อจำกัด ดูแล การเคลื่อนย้ายที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาด หรือกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการจำกัดพื้นที่เสี่ยงตามข้อมูลที่มีการแพร่ระบาด และแจ้งมาตรการที่จะดำเนินการต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทราบและให้ความเห็นชอบโดยเร็ว พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกวัน

ให้มีหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคในทุกอำเภอ เขต หมู่บ้าน โดยมีบุคคลจากภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

ส่วนด้านมาตรการช่วยเหลือเยียวยา
-กลุ่มธุรกิจ โรงงาน สถานประกอบการ โรงแรม และธุรกิจกี่ยวเนื่องด้านการท่องเที่ยวให้ กก. กษ. กค. พณ. รง. อก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาหามาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ในกรณีที่ต้องชะลอการ lay off พนักงาน ลูกจ้าง อาทิ มาตรการช่วยหลือการลดราคาห้องพักของธุรกิจโรงแรม ทั้งนี้ อก. เสนอให้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของกิจการโรงงาน

-กลุ่มประชาชนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ให้ กค. มท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณามาตรการในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และมีภาระในการผ่อนชำระ เช่น รถจักรยานยนต์ ฯลฯ เพื่อให้สถาบันการเงินผ่อนผันการชำระค่างวด รวมถึงประชาชนที่ประกอบอาชีพต่าง ๆ ที่อยู่นอกระบบ (พ่อค้า แม่ค้า ลูกจ้างรายวัน ฯลฯ) กลุ่มเกษตรกร (ผลไม้ ดอกไม้ กล้วยไม้ ฯลฯ) ที่ได้รับผลกระทบ และพิจารณามาตรการเพื่อนำเสนอเป็นมาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯในระยะที่ 2 ต่อไป

ให้ กค.ยธ. พณ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดูแลอย่างเข้มงวดในเรื่องที่เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ไวรัสโควิด เช่น หนี้นอกระบบ การบังคับคดี การขายฝาก เป็นต้น

นอกจากนี้ยังต้องสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งนี้ สำหรับมาตรการของรัฐบาลเพื่อรองรับผลกระทบที่สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค คณะรัฐมนตรีขอให้ศูนย์ข้อมูลโควิด นำไปเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่าง ๆ ต่อไป

ขณะนี้ ประเทศไทยควบคุมสถานการณ์และชะลอระยะ 2 ให้นานที่สุด โดยใช้มาตรการควบคุม ป้องกัน รักษา และสื่อสารในทุก ๆ ด้าน โดยถือว่าการแก้ไขปัญหา COVID-19 มีความสำคัญอันดับ 1 เนื่องจากมีผลกระทบทั้งต่อชีวิตของประชาชนโดยตรง และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคบรรเทาลงแล้ว รัฐบาลจะได้ดำเนินการฟื้นฟูผลกระทบด้านอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงด้านเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลจะประเมินสถานการณ์ ของทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจรายวันอย่างใกล้ชิดและรอบคอบ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและปรับ/เพิ่มเติมมาตรการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป

ส่วนการพัฒนาระบบและกลไกการกักกันผู้ที่เป็นหรือผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย ณ ที่พำนัก ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ให้มีการกำหนดให้ชาวต่างประเทศ รวมทั้งคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ให้มีการใช้แอปพลิเคชั่น ติดตามตัว จัดหาและเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็น ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับรับมือระยะ 3 ได้แก่ สถานพยาบาล เตียง หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือ และชุดป้องกันโรค
แนะนำให้คนไทยที่พำนักอาศัยในต่งประเทศชะลอการเดินทางกลับประเทศไทยจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคในประเทศจะดีขึ้น

ขณะที่ด้านเวชกัณฑ์ป้องกัน : "เร่งผลิตในประเทศและจัดหาจากต่างประเทศให้เพียงพอกับความต้องการ"

เร่งผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยผ้า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการป้องกัน เจลแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปใช้หน้ากากผ้าเมื่อเดินทางเข้าสถานที่ชุมนุมชุมชน และเร่งผลิตหน้ากากผ้าให้เพียงพอ นำหน้ากากอนามัยของกลางที่ยึดได้ส่งศูนย์ๆ เพื่อกระจายต่อไป สำรวจความต้องการของเวชภัณฑ์ที่จำเป็น อาทิ ชุดป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ หน้ากาก N95 เเละอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็น และประสานกับต่างประเทศในการจัดหาเพิ่มเติมให้เพียงพอ

ตรวจสอบการขายออนไลน์ การกักตุน และการระบายของสินค้า

ด้านข้อมูล : การสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ ของรัฐบาลมาจาก 2 แหล่ง ได้แก่
1.กระทรวงสาธารณสุข เป็นการแถลงเฉพาะต้นข้อมูลทางการแพทย์ การสาธารณสุข
2.ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 เป็นการแถลงภาพรวมในทุกด้านที่เกี่ยวข้อง

ด้านต่างประเทศ : การจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลคนไทยในต่างประเทศ ให้ กต.ใช้ประโยชน์จาก TEAM THAILAND ในต่างประเทศ เพื่อเป็นทีมเฉพาะกิจ (Team Thailand COVID-19) ดูแลคนไทยในต่างประเทศ โดยมีท่านทูตเป็นหัวหน้าทีม

ด้านมาตรการป้องกัน "ลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง"

ปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้น

– สถานที่ซึ่งผู้คนมาร่วมเป็นกิจวัตร เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันอาจแพร่เชื้อได้ง่ายแม้จะป้องกันแล้ว และยังมีทางเลือกอื่นทดแทนการชุมนุม ได้แก่ มหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ สถาบันกวดวิชาและทุกสถาบัน ให้ปิดชั่วคราว ตั้งแต่วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563 เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ และให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันโรคตามมาตฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด