จากกรณีที่หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) ได้ดำเนินการบินตรวจสอบสภาพป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณป่าแม่คะเมยบน ป่าหุบสาริกา ป่าห้วยกระซู่ และบริเวณแม่น้ำบางกลอย เพื่อตรวจสอบหาพื้นที่บุกรุก มีพฤติกรรมโค่นต้นไม้ใหญ่ กอไผ่ขนาดใหญ่ แล้วเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ หลังปี พ.ศ. 2557 เนื้อที่ไม่น้อยกว่า 400- 500 ไร่ จากการนำพิกัดพื้นที่ที่พบการบุกรุกป่า ตรวจสอบกับภาพถ่ายทางอากาศ ปี พ.ศ. 2560- 2561 พบว่ามีสภาพป่าสมบูรณ์ และตรวจพบมีไฟไหม้ป่าเป็นบริเวณกว้าง พื้นที่เสียหายไม่น้อยกว่า 3,000 ไร่ และตรวจสอบพบว่า ยังมีการลักลอบเข้าทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องในแปลงคดีที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้เคยตรวจยึดจับกุมไว้แล้วนั้น
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
หน่วยพญาเสือ ร่วมกับ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ร่วมกันวิเคราะห์พื้นที่เป้าหมายซึ่งเป็นพื้นที่บุกรุกป่าใหม่หลังจากปี 2557 ได้เป้าหมายที่จะเข้าดำเนินการตรวจสอบ/ตรวจยึด รวมทั้งสิ้น 131 แปลง เนื้อที่ประมาณ 501 ไร่ ซึ่งจากการประชุมของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ได้มีแนวทางในการดำเนินการคือ จะดำเนินการตรวจยึดพื้นที่ที่มีการบุกรุกใหม่หลังจากปี 2557 ทุกแปลง (จากการแปลภาพถ่ายดาวเทียม พบว่าพื้นที่บุกรุกทั้งหมดเป็นการบุกรุกใหม่เมื่อต้นปี 2563)
อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
หน่วยพญาเสือ ร่วมกับ สบอ.3 สาขาเพชรบุรี ร่วมกันพิจารณาแล้ว เพื่อให้การปฏิบัติงานในพื้นที่กรณีดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติที่ทางราชการกำหนด พร้อมนโยบายต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำเร็จตามวัตถุประสงค์ จึงได้จัดทำยุทธการปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยสนธิกำลังจากอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธ์ุ และหน่วยป้องกันฯในสังกัด สบอ.3 สาขาเพชรบุรี ร่วมกับทหารทัพพระยาเสือ และ ตชด.ที่ 144 รวมทั้งสิ้นประมาณ 80 นาย เข้าดำเนินการระหว่างวันที่ 9 – 13 มีนาคม 2563 เพื่อปราบปรามและหยุดยั้งการทำลายป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยมีจำนวนเป้าหมายทั้งหมด 131 แปลง จำนวนพื้นที่บุกรุกประมาณ 501 ไร่
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน