จีนพบผู้ป่วย ‘ติดโควิด-19 ในระบบประสาท’ เคสแรก

คณะแพทย์จีน ยืนยันพบไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ในระบบประสาทครั้งแรก ซึ่งถูกตรวจพบ ในน้ำหล่อสมองไขสันหลัง!

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด (COVID-19) ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ จากการศึกษาของแพทย์ชี้ว่าไวรัสโควิด-19 สร้างความเสียหายกับอวัยวะหลายส่วน ทั้งไต ตับ หัวใจ แต่ไม่มีการบันทึกกรณีที่พบในระบบประสาทส่วนกลาง แต่ไวรัสร้ายนี้ได้ทวีคูณความน่ากลัวขึ้น เมื่อพบเชื้อโควิด-19 ในระบบประสาท

วานนี้ (5 มี.ค.63) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า

แพทย์จากโรงพยาบาลปักกิ่ง ตี้ถาน ในเครือมหาวิทยาลัยแคพิทัล เมดิคัล (CMU) ซึ่งเป็นสถาบันที่กำหนดให้รองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แถลงข่าวการรักษาผู้ติดเชื้อชายรายหนึ่ง ซึ่งถูกตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในน้ำหล่อสมองไขสันหลัง (cerebrospinal fluid)

ภาพจากอีจัน
คณะแพทย์กล่าวว่าผู้ติดเชื้อ วัย 56 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 63 ณ โรงพยาบาลฯ โดยมีอาการอยู่ในขั้นรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาตามปกติ ขณะรักษาในแผนกผู้ป่วยหนัก (ICU) มีอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะความรู้สึกตัวลดลง ไม่พบสัญญาณผิดปกติในผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT)

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้ทำการจัดลำดับยีน จากตัวอย่างน้ำหล่อสมองไขสันหลังและยืนยันผลว่ามีไวรัสโควิด-19 อยู่จริง พร้อมวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีอาการไข้สมองอักเสบ จึงได้รักษาจนอาการต่างๆ ในระบบประสาทของผู้ป่วยค่อยๆ ลดลงตามลำดับ โดยเขาถูกย้ายจากแผนกผู้ป่วยหนักไปยังแผนกผู้ป่วยติดเชื้อเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63 ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 25 ก.พ. 63

ภาพจากอีจัน
หลิวจิ่งหยวน หัวหน้าแผนกผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาลฯ และแพทย์ประจำหอผู้ป่วยที่ดูแลผู้ติดเชื้อรายนี้ ระบุว่าตามปกติเมื่อพบว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีความผิดปกติเกี่ยวกับความรู้สึกตัว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะพิจารณาความเป็นไปได้ของการติดเชื้อในระบบประสาทและทำการทดสอบน้ำหล่อสมองไขสันหลังทันที เพื่อป้องกันการวินิจฉัยล่าช้าและลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอาการรุนแรง ทั้งนี้จนถึงวันพุธ (4 มี.ค.63) โรงพยาบาลฯ ให้การรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว 150 ราย และพบกรณีที่มีอาการสมองอักเสบ 1 ราย
ภาพจากอีจัน