เตรียมใช้กฎหมาย กับกลุ่มสี่ยงโควิด-19 ที่ปิดข้อมูลการเดินทาง

สธ. เตรียมใช้ข้อกฎหมาย หลังพบผู้ปกปิดประวัติการเดินทาง และสั่งไม่ให้ผู้มีความเสี่ยงเข้าเมือง วอน ปชช. งดเที่ยวงดเดินทางไปยังพื้นที่ระบาดของโรคโควิด-19

สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในขณะนี้ยังน่าเป็นห่วง วานนี้ (26 กุมภาพันธ์ 2563) กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทยพบ ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเชื้อนี้มาจากการไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นและมีการปกปิดการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงกับทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23 ก.พ.63 ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 16 ราย กลับบ้านแล้ว 24 ราย รวมสะสม 40 ราย

ภาพจากอีจัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข พร้อมคณะผู้บริหาร ขอยืนยันว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 ยังไม่เกิดการระบาดในประเทศ ไม่มีผู้ป่วย Super Spreader กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตราย และเตรียมบังคับใช้กฎหมาย หลังพบผู้ปกปิดประวัติการเดินทาง และสั่งไม่ให้ผู้มีความเสี่ยงเข้าเมือง เช่น การส่งกลับผู้เดินทาง 2 ราย ที่มาจาก Diamond princess เพื่อควบคุมการระบาด ด้วยมาตรการขั้นสูงสุด หลังพบผู้ป่วยที่กลับจากญี่ปุ่น

สำหรับเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย สำหรับผู้ที่ไม่กักตัว 14 วัน และไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งถ้าประกาศออกมาแล้วนั้น กฎหมายจะมีผลทันที คือ ถ้าไม่แจ้งความจริงจะโดนปรับ 20,000 บาท

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือประชาชน งดเที่ยวงดเดินทางไปยังพื้นที่ระบาดของโรคต่อเนื่อง หากจำเป็นต้องไป ขอให้ระมัดระวังตัว หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หากกลับมาให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน หากมีไข้ ไอ ให้รีบพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง อย่ากลัวที่จะบอกหมอว่าเดินทางมาจากประเทศเสี่ยง จะเป็นผลดีต่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยรักษาโรคได้รวดเร็ว

ในส่วนของประชาชนทั่วไปขออย่าให้รังเกียจผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพราะจะส่งผลเสียให้คนไข้ไม่ไปหาหมอ หรือไปหาหมอช้า ไม่ยอมป้องกันตนเองเพราะกลัวถูกรังเกียจจากสังคม ป้องกันการเกิด Super Spreader และติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น อย่าแชร์ข้อมูลที่หาที่มาไม่ได้ หากมีข้อสงสัยโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422