สาวกลับจากญี่ปุ่น รีบตรวจไวรัสโควิด-19

ชื่นชม สาวกลับจากเที่ยวญี่ปุ่น มีไข้ รีบเข้าโรงพยาบาล ตรวจไวรัสโควิด-19 เผยเวลาบีบหัวใจ 25 ชม.ในห้องปลอดเชื้อ ลั่นต้องรับผิดชอบต่อสังคม

วันที่ 25 ก.พ. 2563 ชาวเน็ตแห่ชื่นชมสาว ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Plernpin Jintakan ได้โพสต์เล่าประสบการณ์เข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ตนกลับจากเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแล้วมีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย พร้อมบอกอีกว่า หากใครที่จะเดินทางหรือกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ขอให้ยกเลิกและอย่านิ่งนอนใจ สามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมตรวจเช็คโควิด-19 ได้

ภาพจากอีจัน
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า เล่าประสบการณ์การเข้าห้องคัดกรองเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังโควิด-19 โดยใช้ สิทธิ์ประกันสังคม ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านรังสิต พอมาถึงพยาบาลพาไปที่ห้องแยก ปิดโซนเพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยประเภทอื่นเข้ามา
ภาพจากอีจัน
เผย 25 ชม.ที่ต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ แบบละเอียด

8.30 – 10.00 น. ตรวจเบื้องต้น ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด ตรวจจมูกแบบไข้หวัดใหญ่ (ไม้ยาวแหย่ลงจมูก) เนื่องจากเรามี ประวัติการเดินทางไปที่ประเทศที่มีภาวะเสี่ยง

11.00 น. เข้าพบคุณหมอ คุณหมอ และพยาบาล มาในชุดป้องกัน ร่างกาย ,ตา ,จมูก เพราะเราถือว่าเป็นผู้เข้าข่ายต้องเฝ้าระวัง แล้วก็มีการซักประวัติ ว่าเรามีพฤติกรรมตอนไปเที่ยวต่างประเทศอย่างไร แล้วก็มีการเก็บตัวอย่าง การตรวจจมูกแบบไข้หวัดใหญ่ (ไม้ยาวแหย่จมูก) + ตรวจคอ ( ไม้ยาวแหย่ลงคอ ) ค่อนข้างอึดอัดทรมานอยู่แป็บหนึ่ง

12.00 น. พยาบาลมาแจ้งว่า เราได้ขึ้นทะเบียนกับสาธารณสุขว่าเป็นผู้ป่วยต้องเฝ้าระวัง ต้องทำการกักตัวและดูอาการ ที่ห้องปลอดเชื้อ ICU ณ ตอนนั้นตกใจมาก เราเป็นหนักหรอ? ทำไมต้องให้เข้าไปอยู่ห้อง ICU ด้วย มีคำถามวนอยู่ในใจมากมาย พอเซ็นเอกสารยืนยันเข้ารับการรักษา ก็รอเข้าไปที่ห้อง ICU
(เพิ่ม) คำถามที่ว่า แบบไหนถึงใช้สิทธิประกันสังคมครอบคลุม
มีอาการไอ จาม มีน้ำมูก เป็นไข้ เหนื่อยหอบ + ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ในประเทศที่เสี่ยงติดเชื้อจริง อันนี้ประกันสังคมครอบคลุม ไม่มีค่าใช้จ่าย
ไม่มีอาการที่สุ่มเสี่ยงว่าจะเป็น แม้ว่าจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจริง หรืออยากตรวจเองเพื่อความสบายใจ อันนี้ประกันสังคมไม่ครอบคลุมนะคะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ค่าตรวจโคโรนา 7000-8000 บาท ยังไม่รวมค่าห้องที่ต้องนอนรอผล (ราคาขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลด้วย)

13.00 น. เข้ามาที่ห้อง ICU ห้องปลอดเชื้อ เป็นห้องเดี่ยวๆ ที่ไม่มีอากาศภายนอกเข้ามาได้ ไม่มีทีวี มีแต่เครื่องตรวจวัดตามร่างกาย 5 จุด เครื่องให้ออกซิเจน และเครื่องวัดความดัน ที่จะวัดทุกๆ 1 ชั่วโมง รายงานผลจอมอนิเตอร์ แล้วจะมีการวัดไข้ทุก 4 ชั่วโมง แล้วต้องใส่ออกซิเจนเพิ่มเติม เพราะว่าร่างกายมีออกซิเจนต่ำ บรรยากาศค่อนข้างเงียบและอึมครึม ไม่ได้มีคนเดินผ่านให้เห็นบ่อยๆ ไม่ได้มีอะไรให้มองนอกจากนาฬิกา เวลาผ่านไปช้ามาก มันตึงเครียด กลัว เปล่าเปลี่ยวไปหมด แล้วคือห้ามลงจากเตียง เจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาในห้องทุกครั้ง ไม่ว่าเราจะปวดฉี่ หรือต้องการอะไร จะต้องสวมชุดป้องกัน ใส่หมวก ใส่แมส ใส่แว่นตา กว่าจะได้เข้ามา ค่อนข้างลำบาก แล้วเราก็เกรงใจ ในใจตอนนั้น คือ ตกใจ งง แบบดูจริงจังไปหมด ดูอะไรก็ลำบากไปหมด แต่ก็เข้าใจนะ แล้วก็รู้สึกดีที่มีการป้องกัน และเซฟเจ้าหน้าที่และเรามากขณะนี้

17.00 น. คุณหมอเข้ามาตรวจ ขออนุญาตเอ่ยชื่อ (นพ. ณวร) เพราะคุณหมอน่ารักมากๆ คุณหมอได้เข้ามาตรวจปอด ตรวจคอ ตรวจออกซิเจนในร่างกาย แล้วพูดคุยกับเรา รวมถึงอธิบายให้ฟัง ว่าผลตรวจที่กำลังจะออกเป็นผลที่แน่ชัด มีการตรวจลึกถึงรหัสพันธุกรรม ถ้าเกิดไม่มีเชื้อก็สามารถกลับบ้านได้ แต่ถ้ามีเชื้อก็ต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วนเลย โชคดีที่คุณได้มาอยู่ในห้องนี้ หมอไม่รู้ว่าในจังหวัดเรามีห้องแบบนี้กี่ที่ แต่คงมีไม่มาก อยากให้คุณมั่นใจว่าห้องที่คุณอยู่เป็นห้องที่ดีและปลอดเชื้อ หมอเข้าใจว่าห้องนี้มันเป็นห้องที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน หมอจะพยายามให้คุณรีบออกไปให้ได้มากที่สุดนะ เพราะหมอต้องสำรองห้องเอาไว้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเคสหนักด้วย …. พอคุณหมอเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เราก็ได้มองเห็นว่าคุณหมอเขาทำการเทรนพยาบาลอีกครั้ง เพื่อให้รัดกุม ว่าต้องปฏิบัติตัวกับเราแบบไหน ใส่ชุดยังไง ป้องกันกี่ชั้น รักคุณหมอตรงนี้ ที่ใส่ใจ
ความรู้สึกหลังจากที่คุณหมอเข้ามา เราก็เผื่อใจไว้แล้ว 50/50 ภาพในหัวทุกอย่างลอยมาหมดเลย ภาพหน้าคนที่เรารัก และหลายๆอย่าง แต่เราเชื่อมั่นในกระบวนการสาธารณสุขของประเทศไทย เพราะว่าเราได้มาสัมผัสจริงๆ มาทั้งหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ แล้วก็ระบบการตรวจที่รัดกุม ดีมาก ต่อให้เราเป็น เราก็มั่นใจว่าเราจะหายเพราะว่ามีคนที่รักษาหาย

01.00 น. ผลตรวจเลือดออกมาแล้ว แต่ตอนนั้นเราหลับอยู่ พยาบาลไม่ได้ปลุก แต่ก็ไม่ได้หลับสนิท ( ไม่เคยหลับสนิทเลย ไม่ใช่เพราะเครียดนะ 555 แต่เป็นเพราะว่า ความดันมันวัดทุกๆชั่วโมง มันจะบีบแขนเราทุกชั่วโมง )

05.30 น. พยาบาลมาแจ้งผลตอนเช้า ผลตรวจออกมาว่า ⛔️ไม่มีเชื้อโคโรนา เป็นแค่ไข้ธรรมดา คุณพระ!!! เหมือนถูกหวยยังไงยังงั้น ยกภูเขาเอเวเรสออกจากอก แถมพยาบาลเล่าว่า คุณหมอโทรเข้ามาที่โรงพยาบาล ตอนกลับบ้านไปแล้ว เพื่อติดตามฟังผลเราอยู่ตลอด พยาบาลเอาใบผลมาให้เราดูเพื่อความสบายใจ และพยาบาลก็มาแจ้งให้เราย้ายไปห้องปกติ เพื่อรอพบคุณหมอช่วงเช้า ที่สำคัญคือ พยาบาลเข้ามาอาบน้ำเช็ดตัวให้บนเตียง เราก็บอกว่าเราอาบเองได้นะ เราเกรงใจแล้วเราก็เขินด้วย พยาบาลขำ แล้วบอกไม่เป็นไรค่ะยังลงจากเตียงไม่ได้นะ เดี๋ยวทำให้หมดเลยค่ะ ไม่เป็นไรเลย ❤️ให้หัวใจพยาบาลอีกดวง

07.00 น. พยาบาลมาตรวจคลื่นหัวใจ แล้วสเเกนปอดอีกครั้ง ( แม้ผลจะออกมาแล้ว ก็ยังตรวจนู่นนี่นั่นให้ต่อ )

14.00 น. หมอให้กลับบ้านได้ แจ้งว่าร่างกายปลอดภัยจากไวรัส 100% แต่ถ้าหากมีไข้ในระยะนี้ให้กลับมาโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเช็คเชื้อไวรัสอีกรอบ เพราะอาจจะมีเปอร์เซ็นต์ที่อาจจะติดก็ได้แม้ว่าจะน้อยมาก ฉะนั้นให้กักตัวเองต่ออีกจนครบ 14 วันแล้วกลับมาพบแพทย์ตามนัดอีกครั้ง

ภาพจากอีจัน
เจ้าของโพสต์เล่าอีกว่า โชคดีที่ตนป้องกันอย่างดี และไม่ติดไวรัสโควิด-19 กลับมา แถมยังบอกเล่าประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์กับสังคม อย่างไรก็ตาม หากใครที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง ประกอบกับมีอาการทางสุขภาพที่เข้าข่าย ไม่ควรนิ่งนอนใจ เข้ารับการตรวจกับโรงพยาบาลเพื่อความสบายใจ และหากเจอโรคจะได้รักษาอย่างทันท่วงที

อ่านข่าวเพิ่มเติม