จากกรณีที่คนร้ายร่วมกันใช้กำลังนำตัวพี่ชายของผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์จำนวน 300 ล้านบาท ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย และได้มีการติดต่อกับกลุ่มคนร้ายทางโทรศัพท์ โดยคนร้ายพูดข่มขู่ให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีอาญาที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ตกเป็นจำเลย ให้ตัดสินคดีให้คุณประโยชน์ตกแก่จำเลย หากไม่ทำตามก็จะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายอีก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 63
ต่อมา เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 63 ชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร พร้อมกำลังเข้าจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต ส.ส. นครสวรรค์หลายสมัย พร้อมพวก ในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา โดยจับกุมได้ที่จังหวัดนครสวรรค์ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด (25 ก.พ. 63) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์การจับกุม โดยมีเนื้อหาระบุว่า พล.ต.อจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบตร., พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก., พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พล.ต.ตสันติ ชัยนิรมัย ผบก.สส.บช.น, ร่วมกันวางแผนดำเนินการสืบสวนจับกุมโดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการกองปราบปรามเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ในส่วนของอำนาจการสอบสวนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
หากผู้พิพากษา ตัดสินคดีไปตามที่กลุ่มคนร้ายบังคับขู่เข็ญแล้ว จะทำให้ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลย กับพวกได้รับประโยชน์คือ หุ้นที่เป็นข้อพิพาทราคารวม 300 ล้านบาท
พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา และศาลได้ออกหมายจับ ดังนี้
1. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 57 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 221/2563 ลง 19 ก.พ. 63
2. นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 222/2563 ลง 19 ก.พ. 63
3. นายณรงศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 223/2563 ลง 19 ก.พ. 63
4. ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 249/2563 ลง 23 ก.พ. 63
5. นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 250/2563 ลง 23 ก.พ. 63
6. นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 248/2563 ลง 23 ก.พ. 63
รวม 6 หมายจับในข้อหา "ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป, เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป, พยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถโดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด"
ต่อมาวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 21 จุด ตรวจยึดของกลางจำนวน 168 รายการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ตามหมายจับข้างต้นในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งให้การรับสารภาพว่า นอกจากจะร่วมกันใช้กำลังเอาตัวพี่ชายผู้พิพากษา ไปเพื่อเรียกร้องประโยชน์ดังที่กล่าวมาแล้ว ยังได้ร่วมกันฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา และนำศพไปเผาไฟ นำขึ้นส่วนที่เหลือจากการเผาไปทิ้ง ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ด้วย