“สราวุธ” เชื่อหลักฐานแน่นพอ เผยทีมอุ้มพี่ชายผู้พิพากษามาดักรอหน้าศาลฯ

เลขาฯ ศาลยุติธรรม ลั่น เหตุอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี ต่อรองคดี เป็นเหตุร้ายเเรงไม่เคยเกิดมาก่อน

หลังจากชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เข้าจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย พรรคพลังประชาชน พร้อมพวกรวม 3 คน ในคดีร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพจากอีจัน
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. นาย สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์อุ้มพี่ชาย อายุกว่า 70 ปี ของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ร่วม 300 ล้านบาท
ภาพจากอีจัน

เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.30 น. ได้มีคนร้ายจากเท่าที่ปรากฎหลักฐาน 3-4 คนร่วมกันอุ้มลักพาตัวพี่ชายของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี หายขึ้นรถที่จอดเตรียมมาไปบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยภายหลังจากมีการลักพาตัวในวันเดียวกันกลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์เข้ามาหาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเพื่อข่มขู่คดี โดยขอให้ยกฟ้องในคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ หลังจากนั้น พนิดา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน จึงเข้าเเจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบันทึกเทปสนทนาการข่มขู่ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประสานทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ (ตร.) เเละมีการตั้งทีมสืบสวนขึ้นมาในวันดังกล่าวทันที เเละติดตามคดีเรื่อยมา

เเต่ด้วยความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของตัวประกัน เรื่องดังกล่าวจึงต้องอยู่ในชั้นความลับไม่สามารถที่จะเป็นข่าวได้ โดยทางทีมสืบสวนสอบสวนสามารถสืบจนได้ทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องก่อเหตุคือใครบ้าง ทราบว่ามีคดีที่เกี่ยวพันอยู่เหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ 2 คดี คือคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ เเละการโอนหุ้น 300 ล้าน

โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐานทีมสืบสวนได้ติดตามสถานที่กบดานคนร้าย

จนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาจึงได้ขอศาลออกหมายจับจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ตามที่เป็นข่าว

นอกจากนี้ยังมีการขอหมายค้น 20 กว่าจุด เพื่อหาพยานหลักฐานมัดตัวคนร้าย ซึ่งทราบมาว่าตอนนี้สามารถจับคนร้ายได้ 3 คน เเละกำลังตามจับบางส่วนที่หลบหนีอยู่ ส่วนเรื่องจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นถ้าสืบสวนไปเกี่ยวพันถึงใคร ตำรวจจะขอหมายจับเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

โดยในวันนี้ได้เดินทางไปให้กำลังใจ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เเละเเจ้งข่าวให้ได้ทราบ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนยังอยู่ในภาวะเสียใจ ซึ่งทางสำนักงานศาลก็ได้ดูเเลความปลอดภัย ตั้งเเต่วันที่ 4 ก.พ 63 เราได้ประสานกับทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติจัดหน่วยคุ้มกันดูเเลความปลอดภัยมาโดยตลอด

ภายหลังเกิดเหตุท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยหลังจากวันนี้เรื่องการคุ้มกันนอกจากตำรวจเเล้ว เจ้าพนักงานตำรวจศาลหรือคอร์ท มาร์แชล จะเข้าไปเสริมการดูเเลในเรื่องคุ้มกันเเละการเดินทางปฏิบัติหน้าที่ด้วย

คดีนี้หลักฐานทั้งหมดที่ทางศาลเรามี เราส่งให้ตำรวจกองปราบหมดเเล้ว กล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ได้ตั้งเเต่มาดักรอที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ก่อนลักพาตัวประมาณ1 ชั่วโมง

ส่วนเรื่องวงจรปิดจับภาพนายบรรยินได้เลยหรือไม่นั้น ต้องถามทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งเเจ้งว่ามีพยานหลักฐานครบถ้วนในการออกหมายจับนายบรรยินกับพวกเเล้ว ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ในสำนวนสอบสวนที่ทางตำรวจจะเเถลงต่อสื่อมวลชนเอง เรื่องนี้เราต้องขอบคุณทาง ผบ.ตร.ที่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก จนสามารถจับตัวคนร้ายได้

นายสราวุธ ยังเปิดเผยอีกว่า ต่อไปถ้าหากมีคดีสำคัญหรือเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลเราก็จะต้องวิเคราะห์เรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิด เราอาจต้องมีการอารักขาตัวองค์คณะ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลโดยเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมเพื่อบรรจุเเต่งตั้งชุดใหม่ให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด