จับแล้ว! ตัวการสำคัญ แก๊ง จยย. ถล่มยิง “ต่าย คอลาย” ดับคาที่

สืบนครบาล เปิดปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง” บุกจับตัวการสำคัญ แก๊ง จยย. ถล่มยิง “ต่าย คอลาย” ดับคาที่ ชาวบ้าน เผย มีทนายมาขู่ ห้ามให้ตำรวจดูกล้อง

รวบได้อีก 1 ตัวการสำคัญ แก๊ง จยย. ถล่มยิง “ต่าย คอลาย” ดับคาที่ 

วานนี้ (2 ก.ค.67) เวลา 06.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. นำทีมสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาล, สืบสวน น.5 และสน.บางนา พร้อมด้วยกำลังพลกว่า 100 นาย เปิดปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง” ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายดนัย หรือออม อายุ 26 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.376/2567 ลงวันที่ 2 ก.ค.67 ในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นความผิดฐานซ่องโจร, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, ทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะ, ชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้” 

โดยจับกุมตัวได้ที่คอนโดชื่อดังแห่งหนึ่ง ซ.ด่านสำโรง 11 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ พร้อมกันนี้ ยังได้นำหมายค้นศาลบุกทลายเซฟเฮ้าส์ “อิทธิพลมืดวัดด่านสำโรง” ย่านสำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 5 จุด ตรวจค้นพบ ดังนี้ 

1. อาวุธปืน 38 กระบอก 

2. กระสุนปืนกว่า 800 นัด 

3. เงินสด 127,000 บาท  

4. สมุดบัญชีธนาคาร 16 เล่ม 

5. โฉนดที่ดิน 10 ฉบับ 

6. คู่มือจดทะเบียนรถ 15 เล่ม 

6. โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง 

7. รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย 6 คัน พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ 

8. ยุทธภัณฑ์ผิดกฎหมายจำนวนหลายรายการ 

สืบเนื่องจากเหตุอุกอาจเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 67 เวลา 03.00 น. บริเวณสามแยกไฟแดงลาซาล-แบริ่ง (ตัดใหม่) แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพ เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ “ยกโขยง” ขับรถจักรยานยนต์ไล่ล่าก่อนจะยิงจอดและตั้งป้อม ยิงใส่รถยนต์สีดำ จนทำนายเจษฎา หรือ “ต่าย คอลาย” อายุ 39 ปี ที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับเสียชีวิต หลังสิ้นเสียงกระสุน ผู้ขับขี่รถยนต์ที่ยังมีชีวิตอยู่พยายามก้มตัวและขับหลบหนีอย่างสุดชีวิต จนรถปีนข้ามเกาะกลางถนนขับสวนเลนไปอย่างทุลักทุเล แต่ขบวนรถจักรยานยนต์กลุ่มคนร้ายยังคงขับติดตามไล่ยิงอย่างเหี้ยมเกรียม 

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.สั่งการทันทีให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 นำกำลังชุดสืบนครบาล, กก.สส.บก.น.5 และสืบสวน สน.บางนา ลงพื้นที่สืบสวนติดตามกลุ่มคนร้าย “เต็มสูบ” จนสืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มหัวโจกในพื้นที่ละแวกซอย “วัดด่านสำโรง” ซึ่งเคยร่วมกันก่อคดีในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เช่น ร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ , ร่วมกันทำร้ายร่างกายฯ , ร่วมกันปล่อยเงินกู้ฯ , ร่วมกันบุกรุก โดยก่อเหตุลักษณะนี้มาไม่ต่ำกว่า 10 คดี ในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเดิมกลุ่มคนร้ายมักจะก่อเหตุแต่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่คราวนึ้ย่างกรายมาก่อเหตุเลยเขตแดน จ.สมุทรปราการเพียง 100 เมตร “จึงเป็นอำนาจการสืบสวนสอบสวนของนครบาล” 

รองนพศิลป์ เปิดเผยว่า การตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุทำให้ทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันไปก่อเหตุมีมากถึง 23 คน และยังพบเบาะแสว่ากลุ่มคนร้ายนี้เป็น “หัวเชื้อ” ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุของกลุ่มนักศึกษาช่างกลชื่อดังใจกลางกรุงฯ ในอีกหลาย ๆ คดี และที่เห็นว่าต้องใช้มาตการขั้นเด็ดขาด เกิดจากเหตุการณ์ระหว่างที่ “ผู้การจ๋อ” นำกำลังชุดสืบนครบาลลงพื้นไล่กล้องวงจรปิดจนถึงบริเวณภายใน ซ.แบริ่ง 48/9 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พบชาวบ้านในละแวกต่างมีอาการหวาดผวาอย่างผิดปกติ ไม่กล้าให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพราะถูกทนายของกลุ่มคนร้ายมาข่มขู่ว่า… 

“หากให้ตำรวจดูกล้องวงจรปิด จะยกพวกมาเผาบ้าน” 

และชาวบ้านยังแจ้งอีกว่าเหตุที่กลุ่มคนร้ายก่อเหตุซ้ำ ๆ ซาก ๆ แล้วยังสามารถลอยหน้าลอยตานี้ได้ เพราะมีทนายแสบเป็นผู้คอยตามล้างตามเช็ดเรื่องคดีนี้กับกลุ่มคนร้าย ทำกลุ่มคนร้ายย่ามใจกร่างได้สุด ๆ เช่นนี้ ซึ่งเมื่อชุดสืบสวนรับทราบเรื่องราวจากชาวบ้านในพื้นที่ ก็ตระหนักได้ว่าครั้งนี้ ไม่ใช่การสู้กับผู้ร้ายทั่วไปแต่ต้องต่อสู้กับ “อิทธิพลเถื่อน”  

ล่าสุด ขยายผลทราบว่า หัวหน้าของกลุ่มคนร้ายคือ นายเพชร และนายไปป์ ซึ่งทั้งสองเป็นอดีตนักศึกษาช่างกลชื่อดัง และยังพัวพัน “ธุรกิจสีเทา”