
ศาลอนุญาต “สนธิ” สืบพยานลับหลัง คดีหมิ่นประมาท ชัยวัฒน์ เนื่องจากอาการเจ็บป่วย ไม่สามารถเดินทางมาศาล เพื่อฟังการสืบพยานได้ทุกนัด จากกรณีทำคลิปว่าต้องรับผิดชอบเงินอุทยาน 3 ล้าน เจ้าตัวยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง เหตุมีอาการป่วย ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ นัดสืบพยานอีกครั้ง 24-26 ก.พ. 69
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 714 ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีดำ อ.1229/67 ที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา จากกรณีที่นายสนธิและทีมงานจัดทำวิดีโอคลิปในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่มีเนื้อหาระบุว่านายชัยวัฒน์ต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงิน 3,633,167 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี โดยศาลนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี สอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยาน…
โดยทนายโจทก์ จำเลย และ ทนายจำเลย มาศาล ซึ่งศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว โดยจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย รวม 3 นัด และศาลแจ้งให้คู่ความทราบว่าศาลจะพิจารณาคดีติดต่อกันไปโดยไม่เลื่อนคดี เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจะทำการสืบพยานจำเลยต่อทันที โดยให้โจทก์และจำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมในวันนัดและให้คู่ความปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด
ในส่วนของนายสนธิ ได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง เนื่องจากปัจจุบันเจ้าตัวมีอายุ 78 ปี มีอาการเจ็บป่วยจากการถูกยิงที่ศีรษะ ตาข้างซ้ายบอด ต้องเดินทางไปพบแพทย์ และต้องทำกายภาพบำบัดไม่สามารถเดินทางมาศาล เพื่อฟังการสืบพยานได้ทุกนัด ศาลเห็นว่าคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 10 ปี ประกอบกับจำเลยมีทนายความแล้ว จึงอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ทวิ (1) อนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
และ นายสนธิยังได้ยื่นคำร้องว่า ตนเองยังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดโดยคดีนี้มีคำขอที่บังคับเอาทรัพย์สินของจำเลย จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาอันเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของนายสนธิ ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จึงขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าเป็นคู่ความในคดีนั้น
ศาลเห็นว่าเนื่องจากอำนาจในการดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ในคดีส่วนแพ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดี จึงเห็นควรให้มีคำสั่งเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาในคดีตามที่จำเลยร้องขอ
ภายหลัง น.ส.อัจฉรา แสงขาว หรือ ทนายปุย ทนายความส่วนตัวของนายสนธิ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงวันนัดตรวจพยานหลักฐานว่า จะมีการนัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 24-26 ก.พ.2569 โดยในวันที่ 24 ก.พ.เป็นการสืบพยานในส่วนของฝ่ายโจทก์ และในวันที่ 25-26 ก.พ.จะเป็นการสืบพยานในฝ่ายของจำเลย…