CIB ร่วมเปิดปฏิบัติการ “สยบนาคี ล้างบางเส้นทางยาเถื่อน” รวบแพทย์หญิง และพวก รวม 8 ราย 

CIB ร่วมกับ ป.ป.ท. ป.ป.ช. อย. เปิดปฏิบัติการ “สยบนาคี ล้างบางเส้นทางยาเถื่อน” รวบแพทย์หญิง และพวก รวม 8 ผู้ต้องหา ขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

เปิดปฏิบัติการ “สยบนาคี ล้างบางเส้นทางยาเถื่อน” 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ท. สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย

1. แพทย์หญิง หรือนางสาวบรินดา อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 38/68 จับกุมได้ที่บ้านพัก ซอยสุคนธสวัสดิ์ 3 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าง กรุงเทพมหานคร 

ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารฯ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้น       การปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162(1)(2)(3) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 

2. พันเอกหญิง หรือนางสาวกัญยารัตน์ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 39/68 จับกุมได้ที่บ้านพักข้าราชการทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 

3. นายสมปราช อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 40/68 จับกุมได้ที่บ้านพัก ตำบลประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี   

4. ร้อยตรีหญิง ภาวนา อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 41/68 จับกุมได้ที่บ้านพัก ตำบลประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี   

5. นางสาวสุรีย์ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 42/68 จับกุมได้ที่บ้านพักถนนแสงจันทร์-รูเบีย แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 

6. นายสมพงศ์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 43/68 จับกุมได้ที่บ้านพักถนนแสงจันทร์-รูเบีย แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 

7. นายทินกร อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 44/68 จับกุมได้ที่ สภ.เมืองลพบุรี ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี 

8. นางอภิญญา อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 45/68 จับกุมได้ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี 

ในความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารฯ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162(1)(2)(3) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 

สืบเนื่องจากผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ดำเนินการคดีกับแพทย์หญิงบรินดา กับพวก กรณีมีขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลเพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก โดยจากการรวบรวมพยานหลักฐานได้ความว่า เมื่อปี พ.ศ.2561 ถึง พ.ศ.2568 แพทย์หญิงบรินดา ขณะดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก (ฝ่ายการแพทย์) และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ชำนาญการ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่มีหน้าที่ในการวินิจฉัยและรักษาอาการผู้ป่วยทั่วไป ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นลักษณะของการแบ่งหน้าที่ทำกับ นางสาวกัญญารัตน์ และพวก  

โดยนางสาวกัญญารัตน์ เป็นผู้ทำหน้าที่ชักชวนกลุ่มบุคคลในลักษณะเครือข่ายแม่ทีม และลูกข่ายในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีสิทธิเบิกจ่ายตรงในการรักษาพยาบาลกับกรมบัญชีกลาง, ตระเตรียมวางแผนให้ผู้เข้าร่วมขบวนการที่จะมาตรวจรักษากับแพทย์หญิงบรินดา ว่าจะต้องแจ้งกับพยาบาลว่าอย่างไร แต่ละรายจะต้องทานอะไรมาก่อน ต้องแจ้งแพทย์ว่ามีอาการอย่างไร จะต้องขอยาอะไรเพิ่มบ้างเพื่อให้ได้ ยาแผนปัจจุบันมา แล้วนำยาดังกล่าวทั้งหมดไปขายเพื่อนำเงินที่ได้มาแบ่งให้กับผู้ร่วมขบวนการในการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก 

ซึ่งลูกทีมแต่ละคนจะได้รับค่าตอบแทนรายละ 500 บาท/ครั้ง และหากนำยาออกมาจากโรงพยาบาลจะได้ค่าจ้าง 10% จากยอดเงินตามใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หรือตามที่แม่ทีมได้ตกลงกับลูกทีมในแต่ละรายไว้ และแม่ทีมจะได้ค่าตอบแทนจากนางสาวกัญญารัตน์ เป็นรายหัวตามจำนวนลูกทีม หัวละ 1,500 บาท อีกทั้งและมีการจัดหารถรับส่งคนมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกด้วย 

จากการสืบสวนทราบว่าในขบวนการนี้ มีแม่ทีมทั้งหมด 6 สาย แต่ละสายมีลูกทีมประมาณ 80-100 คน วนเวียนมาพบแพทย์หญิงบรินดา ตามนัดเพื่อรับยาและเมื่อได้ยามาแล้ว แม่ทีมจะเก็บยาทั้งหมด ใบเสร็จและใบนัด นำไปมอบให้กับนางสาวกัญญารัตน์ หรือบางครั้งนางสาวกัญญารัตน์ จะมารับยาจากแม่ทีม พร้อมทั้งจ่ายเงินให้กับแม่ทีม หากนางสาวกัญญารัตน์ ไม่ได้มารับยาด้วยตนเอง ก็จะให้แม่ทีมนำยา   ไปส่งให้ที่แฟลต หรือคอนโดตามที่นางสาวกัญญารัตน์ แจ้งให้ทราบ  

และในรายที่ลูกทีม ไม่มาพบหมอตามนัด แม่ทีมจะไปขอบัตรประจำตัวประชาชนของลูกทีม เพื่อนำไปเปิดสิทธิของรับยาแทน โดยจะจัดหาคนไปรับยาแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกทีมที่ต้องเข้าไปพบแพทย์ในวันนั้น หรือบางครั้งก็เป็นตัวแม่ทีมไปยื่นขอรับยาแทนลูกทีม ซึ่งลูกทีมที่ไม่ได้ไปรับยาก็จะได้ค่าตอบแทนด้วย แต่อาจจะถูกหักค่าตอบแทนบางส่วนเพื่อนำไปให้กับคนที่ไปรับยาแทนตนเอง 

ขบวนการนี้มีการนำยาที่ได้จากลูกทีมทั้งหมดไปขายต่อตามร้านขายยาในท้องตลาด ลูกทีมทั้งหมดไม่มีผู้ใดได้รับยาที่ได้จากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไปรับประทานเลย โดยลูกทีมที่มีอาการป่วย และต้องการยาในการรักษา จะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นหรือโรงพยาบาลเดิมที่ตนรักษาตัวอยู่ก่อนแล้ว ตามที่อยู่ของลูกทีม ซึ่งจะพบว่าประวัติการรักษาของลูกทีมเหล่านี้จะมีอาการเจ็บป่วยน้อยกว่าประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก 

บก.ปปป. จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย และขออนุมัติหมายค้น จำนวน 17 จุด จนวันนี้ บก.ปปป. สนธิกำลังกับ บก.ปคบ., บก.ปอศ. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ อย. วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย และเข้าค้นจุดต้องสงสัยพร้อมกัน 17 จุด ในเขตพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี, นนทบุรี, ชลบุรี, ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร พร้อมนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทุกรายยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

หากมีความคืบหน้า จะอัปเดตให้ทราบ