จากกรณี (11 ธ.ค.67) ที่นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ “สจ.โต้ง” ถูกยิงเสียชีวิต ภายหลังเข้าพบนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ “โกทร” อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี เพื่อเคลียร์ปัญหาส่วนตัว แต่กลับเกิดปากเสียงกัน ก่อนที่สุดท้ายฝ่ายมือขวาของโกทรจะลงมือสังหาร สจ.โต้ง ล่าสุดมีความคืบหน้าทางคดีดังกล่าวแล้ว
วันนี้ (25 ก.พ. 68) เวลา 13.20 น. พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ได้แถลงนำส่งสำนวนคดีฆ่าสจ.โต้ง ให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและเอกสารจำนวน 18 แฟ้มกว่า 7,900 หน้า และได้มีการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องถึง 130 ปาก มีผู้กล่าวโทษ 2 คนคือนางสาวณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยาของ สจ.โต้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย นายสุนทร หรือโกทร , นายธนศรัณย์กรณ์ หรือกอล์ฟ อายุ 32 ปี , นายศักดิ์สิทธิ์ หรือตูน อายุ 34 ปี , นายธนภัทร อายุ 18 ปี , นายสิทธิชัย อายุ 41 ปี , นายภัทรนนท์ อายุ 38 ปี , นายอภิสิทธิ์ อายุ 34 ปี และ น.ส มินญารัตน์ หรือ เมย์ ภรรยาของนายธนศรัณย์กรณ์ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
แต่ทางกองบังคับการปราบปรามตำรวจภูธรปราจีนบุรี และตำรวจภูธรภาค 2 รวมถึงกองพิสูจน์หลักฐานของปราจีนบุรี ได้ร่วมกันสืบสวนและตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์พบหลักฐานที่สำคัญ ทั้งพยานบุคคล และหลักฐานพยานวัตถุ ที่สามารถยืนยันการกระทำความผิดของผู้ต้องหาได้
ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 พบว่าก่อนเกิดเหตุ เขาเป็นคนรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ตายที่อยู่นอกบ้านให้กับผู้ต้องหาที่ 1-7 ที่รอก่อเหตุอยู่ในบ้านได้ทราบ จึงเข้าหลักเกณฑ์ของการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ในทางคดีมีหลักฐานว่าผู้ต้องหาที่ 1-7 ร่วมกันวางแผนก่อเหตุ เหตุจูงใจหลัก ๆ เป็นการขัดแย้งทางการเมือง
ในขณะนี้เหลืออีก 1 ฝาก จะครบกำหนด 6 มีนาคม ซึ่งท่าทางอัยการตรวจสอบแล้วให้มีการสืบสวนเพิ่มก็จะทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
ในส่วนผู้ต้องหา 1-7 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำเรื่องโอนย้ายตัวผู้ต้องหามาฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 อยู่ในการควบคุมของทัณฑสถานหญิงกลาง สำหรับตัวของนายสุนทร หรือ โกทร และ ลูกสมุนกลุ่มมือปืน 7 คนแรก ที่ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ จะถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและยุทธภัณฑ์(เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร ส่วน น.ส.มินญารัตน์ หรือ เมย์ ผู้ต้องหารายสุดท้าย ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม และถูกจับกุมในภายหลัง เป็นเพียงรายเดียวที่ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “สนับสนุนช่วยเหลือบุคคลอื่นให้กระทำความผิด”