“ฝนเด็กเต็นท์” เด็กสาววัย 17 ที่ชีวิตนี้ ไม่เคยมีแบบเพื่อนคนอื่นเขา

ชีวิตนี้เกิดมาไม่มีใครอยากลำบาก แต่บางครั้งก็เลือกไม่ได้ เรื่องราวของ “น้องฝน” เด้กสาววัย 17 กับครอบครัวยากไร้ ทนนอนเต็นท์เล็กๆ แคบๆ ขอแค่ได้มีพื้นที่ส่วนตัว

ชีวิตพังๆ กับบ้านผุๆ ชะตากรรมที่ไม่ได้เลือก หรือแท้จริงแล้ว พวกเขาอาจ เลือกไม่ได้…

เรื่องราวชีวิตของ “ฝนเด็กเต็นท์” เด็กสาววัย 17 ปี ที่อีจันได้เจอ พอได้เห็นได้รู้จักน้องฝน ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า ชะตาชีวิตเด็กคนนี้ น่าสงสารไม่แพ้ใคร

อีจันได้เจอครอบครัวของน้องฝนครั้งแรก เมื่อช่วงเดือนปลายเดือนสิงหาคม 2567 ค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงเริ่มโครงการซ่อมบ้านผู้พิการยากไร้ 7 หลัง ที่ปทุมธานี เราได้รับการประสานจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ปทุมธานี และ อบต. พื้นที่ต่างๆ รวม 7 พื้นที่ บ้านของน้องฝนก็เป็นหนึ่งในนั้น

เราลงพื้นที่สำรวจสภาพบ้านและความเป็นอยู่ วันแรกที่เจอกัน เราได้เจอสมาชิกในครอบครัวน้องฝน ทั้งหมด 4 คน ปู่ ย่า ลุง และน้องฝน เด็กสาว 17 ปีที่ขี้อาย พูดน้อย สุภาพเรียบร้อยและอ่อนน้อมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน

ปู่อายุเกือบ 80 ปี เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี สุขภาพถดถอยลงตามวัย แต่ยังต้องทนนั่งหลังขดหลังแข็ง ดัดเหล็ก หารายได้ เหล็กเส้นแข็งๆ ดัดยากๆ นายจ้างให้ค่าตอบแทน กิโลละ 3 บาท คนแก่เรี่ยวแรงน้อย วันหนึ่งจะดัดเหล็กได้มากสักแค่ไหน?

ส่วนคุณย่า ปีนี้อายุย่าง 73 ปี เป็นผู้พิการทางหู หูขวาไม่ได้ยิน ต้องใช้เครื่องช่วยฟังตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น สายตาเริ่มพร่ามัวลงทุกวัน หมอบอกว่า ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้ ตาข้างซ้ายของย่า อาจมองไม่เห็นเลยถาวร

อีกคนคือคุณลุง น้องฝนเรียกคุณลุงว่าพ่อ เพราะอยู่กับลุงมาตั้งแต่เล็กๆ คุรลุงทำงานรับจ้าง รายได้ต่อเดือนมีไม่มากมายนัก แต่ก็ต้องเป็นเสาหลักดูแลครอบครัวทั้ง 4 คน

และตัวน้องฝนเอง ปีนี้อายุ 17 ปีแล้ว กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 น้องฝนเป็นคนพูดน้อย ขี้อาย แต่นั่นอาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นชินกับพวกเราสักเท่าไหร่ อีจันและเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯ ขอสำรวจพื้นที่รอบๆ บ้าน ว่ามีตรงไหนทรุดโทรมบ้าง มีตรงไหนที่ต้องซ่อมด่วน

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ยกสูง 2 ชั้น ชั้นล่างมีโรงดัดลวดของคุณปู่ ใต้ถุนเอาไว้เลี้ยงไก่ และมีห้องน้ำ 1 ห้อง แต่เรายังไม่มั่นใจว่านี่จะเรียกว่าห้องน้ำได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นแค่พื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ กั้นด้วยสังกะสีผุๆ ทั้งสี่ด้าน บางแผ่นก็เป็นรู บางแผ่นก็ขึ้นสนิม ยิ่งไปกว่านั้น ห้องน้ำ ไม่มีหลังคา…

ขึ้นไปดูที่บ้านชั้นสอง เป็นพื้นที่โล่งๆ ไม่มีอะไรแบ่งเป็นสัดส่วน ด้านในสุดเป็นครัวของย่า มีหม้อข้าว เครื่องครัวเก่าๆ อยู่ไม่กี่อย่าง

แล้วนอนกันยังไง?

บ้านหลังนี้ไม่มีห้องเป็นสัดส่วน ด้านบน มีมุ้ง 2 หลัง หลังหนึ่งเป็นของปู่กับย่า ส่วนอีกหลังเป็นของลุง แล้วน้องฝน เด็กสาวที่กำลังโตและต้องการพื้นที่ส่วนตัวล่ะ นอนที่ไหน?

คำตอบคือ น้องฝน นอนในเต็นท์ค่ะ

เต็นท์สีเขียวลายพราง ที่กางอยู่กลางบ้าน มองด้วยตาเปล่าน่าจะพอสำหรับนอนได้ 2 คน แต่น้องฝนไม่ได้มีเต็นท์ไว้แค่นอน ทำการบ้าน แต่งตัว ทุกอย่างอยู่ในเต็นท์เล็กๆ นี้ นั่นคือพื้นที่ส่วนตัวของน้องฝน

อีจันเห็นแล้วตกใจ เด็กสาววัยนี้ ควรมีห้องส่วนตัว ควรมีพื้นที่ที่ปลอดภัย จริงๆ อาจไม่ใช่แค่สำหรับน้องฝน แต่สำหรับสมาชิกครอบครัวนี้ทุกคน พวกเขาต้องมีที่อยู่ที่ปลอดภัย หนาแน่น และแข็งแรงกว่านี้ ปู่กับย่าที่แก่เฒ่า ไม่ต้องขึ้นลงบันไดเพื่อไปห้องน้ำด้านล่าง เพราะเวลากลางคืน มันสุดแสนอันตราย

อีจันตัดสินใจ จะซ่อมบ้านหลังนี้ค่ะ แต่ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ประจวบเหมาะกับการเกิดวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชาวบ้านที่นั่นเดือดร้อน อีจันเรายกทัพ ปิดออฟฟิศไปช่วยชาวแม่สาย ตั้งแต่วันที่น้ำท่วมหนัก จนวันที่น้ำลด ยาวมาจนถึงช่วงฟื้นฟู ที่พวกเราสังคมอีจัน ได้ช่วยกันซื้อข้าวของเครื่องใช้ ไปตั้งต้นชีวิตใหม่ให้พวกเขา ตอนนั้นกินเวลายาวนานหลายเดือน เราช่วยชาวบ้านไป 2,000 กว่าครอบครัว และสร้างบ้านให้คนหมดตัว ไปอีกกว่า 20 หลัง

นั่นทำให้โครงการซ่อมบ้านผู้พิการยากไร้ที่ปทุมธานี ต้องชะลอตัวลงไปก่อน แต่เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจน้ำท่วมแล้ว อีจัน ไม่เคยลืมค่ะ ว่าเราเคยสัญญาอะไรกับใครไว้ ไม่เคยลืมว่าน้องฝนอยู่ยังไง พี่จันแม่ทัพใหญ่ของเรา ยังคงพร่ำคิดถึงเสมอ เพราะเป็นห่วงสาวน้อยคนนี้ ชีวิตที่ต้องนอนในเต็นท์มันคงไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นัก

เกือบ 4 เดือนที่ไม่ได้เจอกัน พี่จันให้ถามข่าวคราวครอบครัวนี้ ว่าเขายังอยู่แบบเดิมไหม น้องฝนยังนอนในเต็นท์เหมือนเดิมหรือเปล่า เราจึงรีบไปเยี่ยมน้องฝนทันทีค่ะ

มาเจอกันครั้งนี้ ทันทีที่เดินเข้าไปในบ้าน ปู่ย่ารีบพูดกลับมา “นึกว่าจะลืมกันซะแล้ว”

เราไม่ลืมเลยค่ะ อธิบายให้เข้าใจว่าติดภารกิจใหญ่และเร่งด่วนจริงๆ แต่คราวนี้ กลับมาตามสัญญา

ได้เจอน้องฝนอีกครั้ง น้องฝนยังขี้อาย พูดน้อย น่ารักและถ่อมตนเหมือนเดิม ทุกอย่างที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ฝนยังนอนอยู่ในเต็นท์หลังเดิม เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว มุมอ่านหนังสือ ก็ยังอยู่แบบเดิม นั่นแสดงว่าน้องฝน ยังไม่ได้มีที่อยู่ที่ปลอดภัย ปู่ย่า ยังไม่มีที่หลับที่นอนที่สบาย ที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือ ปู่กับย่า สุขภาพเริ่มไม่ค่อยดี แก่ลงทุกวัน โรคก็เริ่มรุกราน

เราเข้าไปคุยกับน้องฝน ครั้งนี้ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้มากขึ้นไปอีก น้องฝนเป็นเด็กกำพร้า พ่อเสียตั้งแต่ตัวเองยังไม่ทันรู้ความ ส่วนแม่แยกไปอยู่กับพี่สาวแท้ๆ ของเธออีกบ้านหนึ่ง ปู่กับย่าและลุงที่เธอเรียกว่าพ่อ เลี้ยงดูแลเธอมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย รักยิ่งกว่าดวงใจ ฝนก็รักพวกเขามากไม่แพ้กัน

น้องบอกว่า “ตอนนี้หนูกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 ช่วงปลายเทอมแล้ว วางแผนไว้ว่าเรียนจบ ก็คงไม่เรียนต่อ เพราะบ้านเราไม่มีเงิน เรียนต่อไม่ได้ หนูจะไปทำงานโรงงานหาเงินมาให้ปู่กับย่า ส่วนเต็นท์นี้หนูนอนแบบนี้มานานแล้ว เพราะจริงๆ ก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัว อยู่ในเต็นท์ก็ยังดีกว่าไม่มีพื้นที่ของตัวเองเลย”

อีจันคุยต่อว่า แล้วบ้านของหนู หนูอยากได้อะไร ฝนครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตอบเราว่า “หนูไม่รู้ว่าอยากได้อะไร ไม่รู้ว่าบ้านต้องมีอะไรอีกบ้าง หม้อหุงข้าว พัดลม เครื่องครัว ก็มีอยู่” แต่คำว่ามีอยู่ที่ฝนหมายถึง คือมีแบบเก่าๆ พังๆ ไม่รู้จะใช้งานได้อีกนานแค่ไหน เพราะฝนไม่เคยคิดว่าตัวเองมีโอกาสที่จะได้ของใหม่ เลยยังไม่กล้าพอที่จะบอกเราว่าที่บ้าน อยากได้อะไร

อีจันตัดสินใจจะซ่อมบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุดค่ะ

พี่จัน พี่ดต้งนายช่างใหญ่ สัญญา ว่าไม่เกินปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 น้องฝนและครอบครัว จะได้ไม่ต้องนอนเต็นท์ น้องต้องมีห้องดีๆ มีพื้นที่ส่วนตัว ได้อยู่บ้านที่มั่นคงปลอดภัย แบบที่เด็กสาวควรมี

ในโครงการนี้ เราซ่อมบ้าน สร้างบ้านกันมาแล้วทั้งหมด 3 หลัง ผู้พิการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีที่หลับที่นอนที่สบาย

แต่ยังมีบ้านในโครงการที่รอการซ่อมแซมอีกค่ะ

อีจันบอกบุญ สร้างชีวิตใหม่ให้ผู้พิการยากไร้ ให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ร่วมบุญได้ที่

ธ.กสิกร 185-3-62514-7

เพจอีจันเพื่อกองทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและผู้ยากไร้

โดยนางสาวทัศน์สุมา สมานมิตร

ร่วมซ่อมบ้าน มอบชีวิตใหม่ให้ผู้พิการยากไร้ ได้มีที่อยู่อาศัยดีๆ

ขอให้อานิสงส์ผลบุญนี้ ส่งผลให้ทุกท่าน สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยมั่งคั่ง สาธุ…