![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/06/1718785234_145731-ejan-768x402.jpg)
วันนี้ (19 มิ.ย.67) มีความคืบหน้าเพิ่มเติมจากกรณีพบผู้ป่วยกลุ่มอาการภาวะช็อกจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส STSS เพิ่มสูงขึ้นในประเทศญี่ปุ่น รวมจำนวน 977 ราย อาการนำคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสี่ยงหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน พร้อมคำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวป้องกันโรค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ญี่ปุ่นผวา “แบคทีเรียกินเนื้อ” ระบาดหนัก ยอดป่วยทะลุ 1,000 ราย
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โรค Streptococcal Toxic Shock Syndrome (STSS) เป็นภาวะติดเชื้อที่รุนแรงที่พบได้น้อยแต่เป็นอันตรายถึงชีวิต ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus กลุ่ม A ซึ่งเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้พบได้บ่อยในลำคอและบนผิวหนังของคนเราทั่วไป และสามารถทำให้เกิดอาการคออักเสบได้
บางรายมีความรุนแรง ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ลุกลามที่เรียกว่า invasive Group A Streptococcal disease (iGAS) เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้สามารถผ่านปราการระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าไปในเนื้อเยื่อส่วนลึกและปล่อยสารพิษผ่านระบบไหลเวียนเลือด กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ จนเกิดภาวะช็อก และภาวะล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายตามมา จนเสียชีวิตได้
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/06/1718785135_819409-ejan-791x1024.jpg)
โดยสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คน ผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่ และการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ซึ่งจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุคอ เยื่อบุเมือกต่างๆ และบาดแผลบนผิวหนัง ลักษณะอาการเริ่มด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว และประมาณ 24 ถึง 48 ชั่วโมง จะมีอาการรุนแรงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
กรมควบคุมโรค ระบุว่า สาเหตุของการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ S. pyogenes เรียกว่า Streptococcus กลุ่ม A (Group A Strep) ซึ่งสามารถเข้าไปในเนื้อเยื่อส่วนลึก และปล่อยสารพิษผ่านระบบไหลเวียนเลือด กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ จนเกิดภาวะช็อก และภาวะล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายตามมา จนเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ Streptococcus กลุ่ม B, C, G ก็ทำให้เกิด STSS ได้ แต่เกิดขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม A
คำแนะนำสำหรับผู้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ควรให้ความสำคัญในการป้องกันตนเอง เนื่องจากเชื้อสามารถติดต่อจากคนสู่คน ผ่านละอองฝอยของสารคัดหลั่ง และบาดแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เดินทางกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีบาดแผลหรือแผลผ่าตัด ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยมีคำแนะนำ ดังนี้
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/06/1718785205_583576-ejan-791x1024.jpg)
ก่อนการเดินทาง
– ตรวจสอบสถานการณ์โรคในพื้นที่ที่จะเดินทางไป โดยติดตามการระบาดของโรคได้ที่เว็บไซต์ทางการของประเทศญี่ปุ่น https://www.niid.go.jp/
– เตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันตนเองให้พร้อม เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ อุปกรณ์ทำความสะอาดบาดแผล ทายาฆ่าเชื้อ และปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ เป็นต้น
– แนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพล่วงหน้าก่อนการเดินทาง
ระหว่างการเดินทาง (ระหว่างอยู่ที่ประเทศปลายทาง) รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ และทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร สวมหน้ากากอนามัย ปิดปากหรือจมูกเมื่อไอหรือจาม และระมัดระวังไม่ให้ผิวหนังเกิดบาดแผล และเมื่อมีบาดแผลให้ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี
– ระมัดระวังการเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น ย่านช้อปปิ้ง ถนนคนเดิน สถานีรถไฟ
– สังเกตอาการผิดปกติของตนเอง หากมีอาการเบื้องต้น ได้แก่ เจ็บคอ มีไข้ ให้รีบพบแพทย์ และแยกตัวเองจากบุคคลใกล้ชิด
หลังกลับจากการเดินทาง
-ขณะนี้ยังไม่มีคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลกเรื่องการจำกัดการเดินทางในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ยังไม่มีคำแนะนำการคัดกรองผู้เดินทาง ณ บริเวณช่องทางเข้าออกประเทศ หากผู้เดินทางมีข้อสงสัยสามารถสอบถามและขอคำแนะนำได้จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่าน
– กรณีท่านมีอาการผิดปกติเข้าได้กับอาการแรกเริ่มของ STSS เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ
– สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากรู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการเบื้องต้น ได้แก่ เจ็บคอ มีไข้ ให้รีบพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/06/1718785214_025259-ejan-791x1024.jpg)
เนื่องด้วยอาการ STSS มีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หน่วยงานบริการสาธารณสุขต้องเฝ้าระวังโรคในผู้เดินทาง หากพบผู้ป่วยเข้าได้กับลักษณะอาการของ STSS และมีประวัติการเดินทางมาจากพื้นที่ที่พบผู้ป่วย ควรรีบประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วย เพื่อให้การรักษาอย่างรวดเร็วก่อนเกิดภาวะช็อก ลดความรุนแรง และการแพร่กระจายของโรคในประเทศไทย
คลิปอีจันแนะนำ
ทารก 11 เดือน ถูกทิ้งอยู่ลำพัง