สธ.เตือน! “แบคทีเรียกินเนื้อ” อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่อันตรายถึงชีวิต

สธ.เผยโรคแบคทีเรียกินเนื้อ ระบาดหนักที่ญี่ปุ่น อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่แต่ลามเร็ว อันตรายถึงชีวิต เปิดแผนแนะนำนักเดินทางระวังติดเชื้อ!

วันนี้ (19 มิ.ย.67) มีความคืบหน้าเพิ่มเติมจากกรณีพบผู้ป่วยกลุ่มอาการภาวะช็อกจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส STSS เพิ่มสูงขึ้นในประเทศญี่ปุ่น รวมจำนวน 977 ราย อาการนำคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสี่ยงหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน พร้อมคำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวป้องกันโรค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ญี่ปุ่นผวา “แบคทีเรียกินเนื้อ” ระบาดหนัก ยอดป่วยทะลุ 1,000 ราย

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โรค Streptococcal Toxic Shock Syndrome (STSS) เป็นภาวะติดเชื้อที่รุนแรงที่พบได้น้อยแต่เป็นอันตรายถึงชีวิต ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus กลุ่ม A ซึ่งเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้พบได้บ่อยในลำคอและบนผิวหนังของคนเราทั่วไป และสามารถทำให้เกิดอาการคออักเสบได้

บางรายมีความรุนแรง ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ลุกลามที่เรียกว่า invasive Group A Streptococcal disease (iGAS) เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้สามารถผ่านปราการระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าไปในเนื้อเยื่อส่วนลึกและปล่อยสารพิษผ่านระบบไหลเวียนเลือด กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ จนเกิดภาวะช็อก และภาวะล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายตามมา จนเสียชีวิตได้

โดยสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คน ผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่ และการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ซึ่งจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุคอ เยื่อบุเมือกต่างๆ และบาดแผลบนผิวหนัง ลักษณะอาการเริ่มด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว และประมาณ 24 ถึง 48 ชั่วโมง จะมีอาการรุนแรงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

กรมควบคุมโรค ระบุว่า สาเหตุของการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ S. pyogenes เรียกว่า Streptococcus กลุ่ม A (Group A Strep) ซึ่งสามารถเข้าไปในเนื้อเยื่อส่วนลึก และปล่อยสารพิษผ่านระบบไหลเวียนเลือด กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ จนเกิดภาวะช็อก และภาวะล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายตามมา จนเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ Streptococcus กลุ่ม B, C, G ก็ทำให้เกิด STSS ได้ แต่เกิดขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม A

คำแนะนำสำหรับผู้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ควรให้ความสำคัญในการป้องกันตนเอง  เนื่องจากเชื้อสามารถติดต่อจากคนสู่คน ผ่านละอองฝอยของสารคัดหลั่ง และบาดแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เดินทางกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีบาดแผลหรือแผลผ่าตัด ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยมีคำแนะนำ ดังนี้

ก่อนการเดินทาง

– ตรวจสอบสถานการณ์โรคในพื้นที่ที่จะเดินทางไป โดยติดตามการระบาดของโรคได้ที่เว็บไซต์ทางการของประเทศญี่ปุ่น https://www.niid.go.jp/

– เตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันตนเองให้พร้อม เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ อุปกรณ์ทำความสะอาดบาดแผล ทายาฆ่าเชื้อ และปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ เป็นต้น

– แนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพล่วงหน้าก่อนการเดินทาง

ระหว่างการเดินทาง (ระหว่างอยู่ที่ประเทศปลายทาง) รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ และทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร สวมหน้ากากอนามัย ปิดปากหรือจมูกเมื่อไอหรือจาม และระมัดระวังไม่ให้ผิวหนังเกิดบาดแผล และเมื่อมีบาดแผลให้ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี

– ระมัดระวังการเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น ย่านช้อปปิ้ง ถนนคนเดิน สถานีรถไฟ

– สังเกตอาการผิดปกติของตนเอง หากมีอาการเบื้องต้น ได้แก่ เจ็บคอ มีไข้ ให้รีบพบแพทย์ และแยกตัวเองจากบุคคลใกล้ชิด

หลังกลับจากการเดินทาง

-ขณะนี้ยังไม่มีคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลกเรื่องการจำกัดการเดินทางในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ยังไม่มีคำแนะนำการคัดกรองผู้เดินทาง ณ บริเวณช่องทางเข้าออกประเทศ หากผู้เดินทางมีข้อสงสัยสามารถสอบถามและขอคำแนะนำได้จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่าน

– กรณีท่านมีอาการผิดปกติเข้าได้กับอาการแรกเริ่มของ STSS เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ

– สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากรู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการเบื้องต้น ได้แก่ เจ็บคอ มีไข้ ให้รีบพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ

เนื่องด้วยอาการ STSS มีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หน่วยงานบริการสาธารณสุขต้องเฝ้าระวังโรคในผู้เดินทาง หากพบผู้ป่วยเข้าได้กับลักษณะอาการของ STSS และมีประวัติการเดินทางมาจากพื้นที่ที่พบผู้ป่วย ควรรีบประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วย เพื่อให้การรักษาอย่างรวดเร็วก่อนเกิดภาวะช็อก ลดความรุนแรง และการแพร่กระจายของโรคในประเทศไทย


คลิปอีจันแนะนำ

ทารก 11 เดือน ถูกทิ้งอยู่ลำพัง