
ใครจะรู้? ผู้คุมคุก ฆ่าตัวตายสูงกว่าผู้ต้องขังถึง 13 เท่า ต้นตอมาจากความเครียด
วันนี้ (13 มี.ค.68) นายกฤช กระแสร์ทิพย์ อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Krit Krasaedhibaya ระบุว่า สถิติปี 2567 มีคนไทยฆ่าตัวตาย 7.9 คนต่อประชากร 1 แสนคน และ มีผู้ต้องขังฆ่าตัวตาย 3.4 คน ต่อประชากรผู้ต้องขัง 1 แสนคน ทั้งนี้ยังมีผู้คุมฆ่าตัวตาย 43 คน ต่อประชากรผู้คุม 1 แสนคน แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ชาวราชทัณฑ์ดูแลสุขภาพจิตผู้ต้องขังได้ดีกว่าภายนอกอีก อัตราการฆ่าตัวตายของผู้ต้องขังต่ำกว่าภายนอกถึงครึ่งต่อครึ่ง นี่มันสุดยอดฝีมือเลยนะ ผู้คุมเขาดูแลคุกยังไงให้คนข้างในฆ่าตัวตายน้อยมาก แต่พอมาดูอัตราการฆ่าตัวตายของผู้คุม มีอัตราส่วนฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ต้องขังถึง 13 เท่า มันเกิดอะไรขึ้น?

คุณรู้มั้ยว่า ผู้คุมถูกดดันจากอะไรบ้าง? ผมคลุกคลีกับคุกมาตั้งแต่ปี 2539 มีประสบการณ์การทำหน้าที่ผู้บัญชาการเรือนจำ 9 แห่ง ระยะเวลา 20 ปี อยากจะเล่าให้พี่น้องฟังครับ
1. สภาพการทำงาน งานราชทัณฑ์มีลักษณะ 3 D 2 L
D 1 Difficult
งานเรามันยาก ต้องควบคุมคนที่มีปัญหา เป็นภัยอันตราย สังคมไม่เอา แต่เราต้องอยู่ดูแลคนเหล่านี้ 24 ชั่วโมง มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ ทั้งกฎหมายอาญา กฎหมายราชทัณฑ์ กฎหมายป้องกันการทรมาน กฎหมายรัฐธรรมนูญในส่วนที่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามปฎิญญาสากลด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ปฏิบัติตาม Mandella rules ตาม Bangkok rules
นอกจากนั้น สังคมก็คาดหวังสูงมาก ถึงชั่วช้ามาแค่ใหน แต่ปล่อยออกไปต้องเป็นคนดี พอเมตตาผู้ต้องขังมาก ก็หาว่า spoil โอ๋นักโทษ แล้วแบบนี้เมื่อไรมันจะหลาบจำเกรงกลัวคุก แต่ถ้าหากผู้ต้องขังดื้นด้าน ผิดวินัย ไม่เกรงกลัว พอเราใช้วิธีการเข้มงวด เคร่งครัด ถึงเนื้อถึงตัว ก็หาว่าป่าเถื่อน โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม
D 2 Dangerous
งานราชทัณฑ์ มีความเสี่ยงภัยอันตราย เราเหมือนคนเลี้ยงเสือ แม้จะเลี้ยงด้วยความเมตตาแต่วันดีคืนดีก็ถูกเสือตะปบทำร้าย ใหนจะโรคภัยไข้เจ็บที่ติดจากผู้ต้องขัง ไหนจะสภาพการอดหลับอดนอนเข้าเวรยามจนสุขภาพย่ำแย่ เช้ามาออกเวร รีบกลับไปบ้าน 9.30 น.ก็ต้องรีบมาปฏิบัติหน้าที่ปกติ
D 3 Dirty
สภาพในเรือนจำมันไม่น่าอภิรมย์ นึกภาพกำแพงสูง ไม่เห็นโลกภายนอก มีซี่กรง มีโซ่ตรวน ตัดขาดการสื่อสารจากภายนอกขณะเข้าทำงาน จะเล่นไลน์ เล่นเฟส ทำไม่ได้ ต้องคอยเฝ้าระวังอย่าให้เกิดเหตุร้าย ผู้ต้องขังก็ดูเครียด หม่นหมอง ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตา ผู้คุมต้องทนอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ตกเย็นมาจึงต้องพึ่ง L กฮ.
L 1 ไม่ใช่ L กฮ. แต่มันคือ Low Dignity
เกียรติภูมิของคนราชทัณฑ์ เมื่อเทียบกับผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ซึ่งอยู่ในกระบวนการยุติธรรมด้วยกัน เราจะถูกมองว่าด้อยกว่าเขาทั้งหมด แถมวันดีคืนดีก็มีคนให้เราเป็น“แมว”ไปเสียอีก ตอนเป็นหนุ่มๆ ถ้าจะไปจีบสาว ระหว่างเรากับผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ เราเป็นตัวเลือกสุดท้าย (ส่วนมากผู้คุมจึงได้กันเอง หรือไม่ก็พอได้ข้ามห้วยไปจีบพยาบาลตอนไปเฝ้าป่วยที่โรงพยาบาล)
L 2 Low Salary
เงินเดือนของผู้คุมไทย นับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับคนที่ทำงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้งที่เวลาส่วนใหญ่ของเรานั้นอยู่ในคุก แทบไม่ต่างจากผู้ต้องขัง ระยะหลังดีขึ้นหน่อยมีค่าเสี่ยงภัยมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ผู้คุมจึงเป็นหนี้สหกรณ์กันถ้วนหน้า
2. ทนทุกข์ใจ หากมีเรื่องความรับผิดชอบทางครอบครัว เช่น พ่อแม่ลูกเมียป่วยไข้ แต่ไปดูแลไม่ได้ เพราะต้องไปเฝ้าผู้ต้องขังป่วยที่โรงพยาบาล หาเวรออกไม่ได้ ส่วนในวันหยุดยาว จะพาลูกไปกราบปู่ย่า-ตายายก็ไม่ได้ ต้องไปหลังหยุดยาว โดยลาพักผ่อน และหาจ้างเวรแทน 1-2 พัน แล้วแต่เทศกาล
3. เรื่องความรักความสัมพันธ์แบบคู่รัก ผัวเป็นผู้คุม เมียก็ผู้คุม หรือผัวผู้คุม เมียพยาบาล ทุกคนต่างมีเวรต้องเข้า ผัวหนุ่มเมียสาว ตั้งใจจะผลิตทายาทไว้สืบตระกูล ดันเข้าเวรตรงกันอีก บางทีได้แค่จับมือสบตากันตรงประตู ทำให้เกิดปัญหาครอบครัว ปัญหาเตียงหัก เกิดขึ้นได้บ่อยๆ
ทั้งนี้ชีวิตผู้คุมไทยจากได้ค่าเวร 400 บาท ปรับขึ้นเป็น 1,000 บาท เท่ากับค่าเวรเจ้าหน้าที่ออกหมายของศาลในวันหยุดได้แล้วครับ”
กฤช กระแสร์ทิพย์ อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก Krit Krasaedhibaya