จับได้แล้ว! “ไอ้หื่น” ขืนใจสาวใหญ่วัย 59 ปี หลังไล่ล่านานกว่า 20 วัน 

ในที่สุดก็จับได้ หลังไล่ล่ากว่า 20 วัน! สืบนครบาล บุกรวบ “แบงค์ ปากช่อง” อายุ 39 ปี ขืนใจสาวใหญ่วัย 59 ปี อ้าง แอบชอบมานาน แต่วงจรปิดจับภาพถือมีดวิ่งไล่ผู้เสียหาย

ในที่สุดก็จับตัวได้สักที สำหรับกรณีชายวัย 39 ปี ก่อเหตุบุกขืนใจสาวใหญ่ วัย 59 ปี นานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะวางแผนอุ้มทำร้ายในห้องน้ำ แต่ยังดีมีปาฏิหาริย์ทำให้เหยื่อวิ่งหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด 

โดยคดีนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการ ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.นจัดมือดีทีมสารวัตรแจ๊ะ หลายสิบนายบุกล้อมจับบ้านในอำเภอปากช่อง แต่คนร้ายกลับมุดหนีหลบเข้าป่าไปได้อย่างน่าทึ่ง ก่อนจะมาจนมุมหลังเร่ร่อนนอนข้างทางอยู่ในย่านพระโขนง ใช้เวลาไล่ล่ากว่า 20 วัน กำลังขยายผลถึงที่สุด 

วานนี้ (11 ส.ค.67) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., ได้สั่งการให้ ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น จัดมือดีทีมสารวัตรแจ๊ะ สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ อายุ 38 ปี ชาว ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.490/2567 ลงวันที่ 24 ก.ค. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายได้กระทำโดยใช้อาวุธ , กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของบุคคลนั้น ได้กระทำโดยใช้อาวุธ , ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยมีอาวุธ, บุกรุก โดยมีอาวุธ ในเวลากลางคืน” และพบประวัติเคยถูกดำเนินคดีอาญา 3 คดีดังนี้ 

1. วันที่ 9 ก.ค. 55 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ลักทรัพย์” พื้นที่ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง 

2. วันที่ 18 เม.ย. 58 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ยักยอกทรัพย์” พื้นที่ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง 

3. วันที่ 12 ก.ค. 60 ถูกดำเนินคดีข้อหา “เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษฯ” พื้นที่ สภ.หมูสี จ.นครราชสีมา 

สืบเนื่องจาก วันที่ 23 ก.ค. 67 หญิงผู้เสียหายนอนหลับอยู่ในห้องพักของแมนชั่นแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ ห้วงภวังค์แห่งความฝันได้หยุดลงเมื่อเธอเกิดอาการหายใจไม่ออก เมื่อเธอได้สติตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองถูกคนร้ายกำลังใช้หมอนกดลงบนหน้าเธออยู่ แรงขืนไม่สามารถทานน้ำหนักตัวคนร้ายที่ทับร่างเธออยู่ ทำได้เพียงพยายามส่งเสียงอู้อี้ที่คงไม่มีใครได้ยินจนเธอใกล้สิ้นแรง คนร้ายข่มขู่เธอ “อย่าร้องนะ เงินอยู่ไหน” เธอพยายามส่งเสียงผ่านหมอนว่า “ยอมแล้ว” พร้อมกับบอกตำแหน่งของทรัพย์สิน คนร้ายเริ่มคลายแรงลงและเอาหมอนออกจากใบหน้าเธอ 

เหตุการณ์เหมือนจะจบลงแต่กลับเลวร้ายกว่าเดิม เมื่อคนร้ายไม่มีท่าทีสนใจทรัพย์สินแต่กลับมองร่างกายเธอแล้วคว้าผ้ามามัดปิดตาเธอไว้ แล้วได้ชักคัดเตอร์มาจี้คอบังคับเธอเปลื้องผ้าและนำน้ำมันมะพร้าวชโลมเธอทั้งตัว ก่อนจะลงมือขืนใจกว่า 2 ชั่วโมง โดยใช้คัดเตอร์จี้อยู่ตลอดเวลา คนร้ายยังกล่าวกับผู้เสียหายว่า “ผมชอบป้ามานานแล้ว” ก่อนจะนำผ้าห่มมาพันหัวพันตัวของเธอแล้วยกเธอเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อทำบางอย่าง 

เธอรวบรวมสติสุดท้ายใช้จังหวะคนร้ายเผลอวิ่งหนีออกมาจากห้องอย่างสุดชีวิต คนร้ายวิ่งไล่ตามออกมาจากห้องพักอย่างกระชั้นชิด ก่อนที่คนร้ายใช้มือคว้าแขนเธอไว้ แต่ราวกับปาฏิหาริย์ น้ำมันมะพร้าวที่ถูกชโลมทำให้เธอสามารถสลัดหลุดคนร้ายมาได้ ก่อนจะวิ่งกรีดร้องลงจากแมนชั่นไปขอความช่วยเหลือ และรอดพ้นจากนรกไปได้อย่างหวุดหวิด  

ไม่นาน ร.ต.ท.หญิงณัฐพร พุ่มกระจ่าง รอง สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง ได้เดินทางมาถึงและกลับเข้าไปตรวจสอบในห้องพักที่เกิดเหตุก็พบว่าคนร้ายดันลืมกระเป๋าเอกสารและบัตรประจำตัวทิ้งไว้ในห้อง จึงส่งหลักฐานออกหมายจับคนร้ายรายนี้ได้ในทันที ซึ่งก็คือ นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ นั่นเอง 

หลังจากชุดสืบนครบาลเร่งติดตามไล่ล่าตัวกว่า 20 วัน ท้ายที่สุดชุดสืบสวนก็ได้สืบทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปอยู่ที่บ้านพักติดภูเขาในพื้นที่ อ.ป่าโมง จ.นครราชสีมา ซึ่งสารวัตรแจ๊ะได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปกว่า 10 นายบุกเข้าไปจับตัว แต่ก็ได้พลาดท่าเพราะคนร้ายได้ยินเสียงรถยนต์มาแต่ไกลไหวตัวแอบหลบมุดออกทางรูลวดหนามไปก่อนเจ้านาที่จะเข้ามาถึงเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะหลบหนีเข้ามาเร่ร่อนในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ 

ซึ่งต่อมา ชุดสืบสวนได้รับเบาะแสจากเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.พระโขนง ว่าพบชายต้องสงสัยตำหนิรูปพรรณคล้ายกับคนร้ายนอนอยู่บริเวณใต้สะพานกลับรถตรงข้ามห้างสรรพสินค้า เขตประเวศ ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและพบว่าเป็นคนร้ายจึงสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดีต่อไป 

โดยในชั้นจับกุม นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ ให้การภาคเสธ โดยให้การว่า “ตนเองเป็นโรคร้ายคงจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี จึงหลบหนีอย่างสุดชีวิต โดยในวันที่เจ้าหน้าที่ไปจับกุมตนเองได้ใช้ประสบการณ์ที่เคยหนีเจ้าหน้าที่จากวงไพ่ โดยใช้หลักการไม่วิ่งหนี แต่มุดแอบอยู่ใกล้ๆ เจ้าหน้าที่ โดยยอมรับว่าตนไม่ได้เล่นของหรือไสยศาสตร์ใดๆ เป็นประสบการณ์ล้วนๆ ส่วนในทางคดียืนยันว่าตนเองไม่เคยก่อเหตุข่มขืนคนสูงอายุมาก่อน แต่ในคดีนี้ยอมรับว่าได้เข้าไปทางห้องร้างข้างห้องผู้เสียหาย ก่อนจะแอบเข้าไปทางประตูหลังห้อง จากนั้นจึงลงมือกระทำไป แต่ไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศได้เพราะได้ทำการดัดแปลงอวัยวะเพศมา จึงอนาจารจนสำเร็จความใคร่ ส่วนมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นของผู้เสียหายไม่ใช่ของตนเอง  

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นอุทธาหรณ์เตือนภัยหญิงสาวทุกท่านที่พักอาศัยอยู่เพียงลำพัง โปรดเพิ่มความระมัดระวังในการเข้า-ออก รวมถึงการล็อคประตูและหน้าต่างภายในห้อง เพราะไม่รู้ว่าจะมีคนร้ายสะกดรอยตามหรือไม่ ทั้งนี้ หากรู้ว่ามีคนสะกดรอยตามหรือมีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB”