“กรณ์” ชี้แจงหลัง “ณพ” ส่งทนายแจ้งความหาไอ้โม่งเงินสินบน 100 กก.

“ณพ” มอบทนายแจ้งความ หาไอ้โม่งเงินสินบน 100 กก. “กรณ์” โพสต์คลิปแจงเป็นเงินประกันศาล

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 19 มี.ค.68 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดี อ.1662/2566 ระหว่างนายณพ ณรงค์เดช กับนายกฤษณ์ ณรงค์เดช และพวกรวม 3 คน ฐานความผิดยักยอกทรัพย์ มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ซึ่งในวันดังกล่าว นายณพ ได้กล่าวถึงเรื่องการร้องเรียนกรรมการตุลาการ (กต.) เกี่ยวกับจำนวน 100 กิโลกรัม หรือ 100 ล้านบาท ซึ่งทราบจากทางหน้าสื่อว่าคณะกรรมการตุลาการมีมติตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งยังต้องรอผล

ความคืบหน้าประเด็นนี้ เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (24 เม.ย.68) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม.นายเฉลิมชัย เขียวประดิษฐ์ และนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจาก “นายณพ ณรงค์เดช” นักธุรกิจชื่อดัง เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อให้สืบสวนและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง จากกรณีมีข่าวการเสนอเงิน 100 กิโลกรัม เกี่ยวข้องไปถึงผู้บริหารศาลบางราย

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของนายณพ ณรงค์เดช ได้มอบอำนาจให้ตนมาแจ้งความ เกี่ยวกับความผิดในด้านตำแหน่งหน้าที่ต่อการยุติธรรมตามที่มีข่าวจากสำนักข่าวอิศรา ที่เผยแพร่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เดือนมกราคมว่า คณะกรรมการตุลาการ (กต.)ได้วินิจฉัยว่ามีผู้พิพากษาระดับอธิบดีและรองอธิบดีของศาลแห่งหนึ่งใน กทม. มีความผิดถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรงและมีการสั่งพักราชการไปแล้วหนึ่งท่าน อีกท่านหนึ่งมีข่าวว่าได้มีเรื่องเงิน 100 กิโล เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ที่จะรับฟังและอ่านมาจากสำนักข่าวนั้นมีความสอดคล้องใกล้เคียงกับเรื่องที่ “นายณพ” ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการตุลาการ แต่ขนาดนี้เรายังไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องเดียวกับที่เราร้องเรียนหรือไม่เนื่องจากเรายังไม่ได้ทราบผลการวินิจฉัยมาจาก กต.

แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการมีสินบนเกิดขึ้นซึ่งเป็นเงินจำนวนก้อนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการยุติธรรมแม้จะเป็นความผิดต่อรัฐ “นายณพ” เห็นว่าสมควรที่จะต้องมาแจ้งความให้กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามซึ่งมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงหาเส้นทางการเงินว่าตามข่าวที่สำนักข่าวอิศราได้นำมาเผยแพร่นั้นเป็นความจริงหรือไม่

หากเป็นความจริงในเรื่องการให้และรับสินบนมีใครบ้างเป็นผู้ให้และใครเป็นผู้รับ มีใครเกี่ยวข้องมีขบวนการอย่างไร เพื่อที่จะทำให้ความจริงกระจ่างชัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นายณพ” ถูกปรักปรำโดยบุคคลที่เกี่ยวข้อง ว่าเกี่ยวข้องกับเงิน 100 ล้านบาท ซึ่ง “นายณพ” ได้ยืนยันปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง และเป็นเรื่องที่ตนเองได้ร้องเรียนไปยัง กต. ในวันนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดจึงมาแจ้งความให้พนักงานสอบสวนได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงและหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายถือว่ากระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนสมควรจะต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด

เรื่องนี้อาจจะมีการผิดกฎหมายหลายฉบับ มีองค์กรที่จะตรวจสอบหลายองค์กรตนเชื่อว่าเมื่อมีข่าวปรากฏเช่นนี้แต่ละองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปราบปรามการทุจริตคงจะขยับตัวและหาข้อมูลซึ่งแต่ละองค์กรต้องตรวจสอบดูแลให้องค์กรของตนโปร่งใสปราศจาก การทุจริตคอรัปชั่นโดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวข้องกับด้านกระบวนการยุติธรรม

สำหรับกรณีที่ “นายณพ” เกี่ยวข้องกับเงินจำนวน 100 กิโลฯ นั้น มีการพูดจาใส่ความเกิดขึ้นในห้องพิจารณาของศาลซึ่งจะมีการพิจารณาดำเนินคดีต่อไป

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ได้รับแจ้งความตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้รับมอบอำนาจนำมามอบให้ก่อนจะเสนอ ผู้บังคับบัญชาพิจารณา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันเดียวกัน นายกรณ์ ณรงค์เดช ได้ออกมาโพสต์คลิปลงเพจ Korn Narongdej ชี้แจงประเด็นเงิน 100 โลหรือ 100 ล้านบาทว่า…

“ตามที่มีบุคคลไม่ปรารถนาดีต่อผมและครอบครัว ได้ให้ข่าวที่คลาดเคลื่อน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดซ้ำซาก และสร้างความเสื่อมเสียบ่อยครั้ง ผมขอเรียนอีกครั้งตามนี้ เรื่องเงิน 100 โล หรือ 100 ล้าน ที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นเงินสินบนนั้น แท้จริงเป็นเงินประกันตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ได้ทําถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

เมื่อ ก.ค.2566 ทางผมและคุณกฤษณ์ พี่ชาย ซึ่งเป็นโจทก์ ได้ขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายยื่นคำร้องต่อศาลท่าน ให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระหว่างยื่นอุทธรณ์ในคดีหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง โดยศาลท่านมีคำสั่งให้วางเงินประกันต่อศาลเป็นเงิน 100 ล้านบาทไว้ที่ศาล ซึ่งผมและคุณกฤษณ์ เคารพและได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอนพร้อมมีใบเสร็จรับเงินถูกต้อง 

การที่ผู้กล่าวหาได้กล่าวหาซ้ำๆ ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินสินบน นอกจากไม่เป็นความจริง ไม่สร้างสรรค์แล้ว ผู้กล่าวหายังเป็นจำเลยในคดีนี้ ย่อมทราบดีว่าทางโจทก์ได้นําเงิน 100 ล้านตามคำสั่งศาล เพื่อเป็นหลักประกัน ทางผมซึ่งปฏิบัติตามคำสั่งศาล จึงไม่แน่ใจในเจตนาของผู้กล่าวหาว่าทําเพื่อหวังผลสิ่งใด

ผมขออนุญาตบุคคลใดที่เข้าใจคลาดเคลื่อน โปรดเข้าใจข้อเท็จจริงให้ถูกต้อง และโปรดให้ความเคารพคำสั่งศาลท่าน ทางผมและครอบครัวขอสงวนสิทธิ์ที่จะรักษาสิทธิ์ตามกฎหมายของตนเองในการดําเนินคดีให้ถึงที่สุด หากพบว่ามีการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อผมและครอบครัว”