
ชีวิตคนเรา ถึงจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราก็เลือกเป็นคนดีได้

จากกรณีนายบุญกอง มั่นเมืองปัก หรือน้ำฝน อายุ 28 ปี ชาวบ้านสาครพัฒนา ต.หนองแวง อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ปั่นจักรยานพ่วงรถเข็นเก็บของเก่า เข้ามาแจ้งความว่า เก็บเงินสดเป็นธนบัตร 1,000 บาท ได้ 1 ปึก จำนวน 1 แสนบาท ริมถนนกลางใหญ่-น้ำโสม หน้า บ.เมืองไทยแคปปิตอล สาขา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ก่อนตำรวจจะส่งมอบเงินคืนให้กับนางปิยะนุช หรืออุ๊ อายุ 41 ปี ชาว ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ขณะขับรถกระบะมากับครอบครัวตามหาเงินที่หล่นหายตรงจุดเกิดเหตุ จนชาวเน็ตต่าชื่นชมในความดีของน้ำฝน
และแน่นอนค่ะว่าคนที่ภูมิใจในตัวน้ำฝนไม่น้อยกว่าใคร คือ ยาย ที่เลี้ยงน้ำฝนมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
วันนี้ (14 มี.ค.68) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของน้ำฝน ซึ่งอาศัยอยู่กับนางโสภา เรียบร้อย อายุ 77 ปี ผู้เป็นยาย และนายฉลอง เรียบร้อย อายุ 47 ปี น้าชายที่ป่วยจิตเวชจากการใช้สารเสพติดมานาน พบยายและน้ำฝนนั่งอยู่หน้าบ้าน ที่เป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ที่มีสภาทรุดโทรม และไม่มีไฟฟ้าใช้มานานหลายปี

น้ำฝน ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูที่เก็บขยะรีไซเคิล ที่กองอยู่ใต้บันไดข้างบ้าน หลังขี่จักรยานคู่ใจต่อพ่วงท้ายออกหาเก็บมารวมกันไว้ขายให้พ่อค้ารับซื้อของเก่า ที่จะมา 10-15 วัน/ครั้ง จากนั้นได้พาเดินดูสภาพการเป็นอยู่รอบบ้าน และภายในบ้าน ในห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองกับน้าชาย ที่ต้องใช้บันไดไม้ไผ่ปีนขึ้นลงทุกวัน ส่วนยายนอนอยู่ชั้นล่าง ในการหุงหาอาหารก็ใช้เตาฟืน ห้องน้ำเป็นแบบนั่งยองๆ และบริเวณชั้นล่างมีกองเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ชาวบ้านนำมาบริจาคให้ยายและคนในครอบครัวได้สวมใส่ ออกไปหารับจ้างตัดอ้อย ปลูกและขุดมัน พอได้เงินมาซื้อกับข้าวกิน

ยายโสภา เล่าว่า ภูมิใจมากที่หลานชายทำตามคำสอนของตนว่า เวลาไปเก็บของเก่ามาไว้ขาย ห้ามไปเอาของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตนเอง ให้เก็บเอาตามถังขยะที่เขาทิ้งแล้ว และดีใจมากที่เจ้าของเงินจะรับเข้าทำงานด้วย แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับนายจ้างเลย มีแต่หลานชายมาเล่าให้ฟัง และดีใจที่เจ้าของเงินแสนจะรับเข้าทำงาน และดีใจหลังได้ยินข่าวจากผู้นำชุมชน และตำรวจ สภ.กลางใหญ่ว่า ช่วงบ่ายโมงวันนี้ สส.ในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาเยี่ยมที่บ้าน และจะให้การช่วยเหลือความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
ตนเลี้ยงหลานชายตั้งแต่เขาออกมาจากท้องลูกสาว เพราะพ่อกับแม่เขาแยกทางกัน ลูกสาวไปมีครอบครัวใหม่ ทำงานอยู่กรุงเทพ รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ไม่ติดต่อกลับมากว่า 20 ปีแล้ว ส่วนสามีตนก็ป่วยเสียชีวิตไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว น้ำฝนหลานชายมีอาการพัฒนาทางสองช้า ได้กินเงินคนพิการเดือนละ 600 บาท แต่ก็ไม่พอใช้ ตนต้องไปรับจ้างตัดอ้อย ปลูกมัน เก็บกู้มันสำปะหลัง พอได้เงินมาซื้อข้าวกินกับเขาและน้าชายเขาที่มีป่วยจิตเวชไปวันๆ

ขณะที่ น้ำฝน เล่าว่า ตนอยู่ด้วยกันกับยายและน้าชายที่บ้านหลังนี้รวม 3 คน แต่น้าชายติดเสพยาบ้ามานาน จนทำให้เขามีอาการทางประสาท และเคยอาละวาดทำร้ายยาย ตำรวจเคยจับไปแล้วก็ปล่อยออกมา อยากหาเงินช่วยยาย และยืนยันว่าหลังจากจะไปทำงานกับเจ้าของลานรับซื้อยางพาราเจ้าของเงินแสนที่ตนเก็บส่งคืนเมื่อวานนี้
ทำดีได้ดีมีให้เห็นชัดเจนเลยค่ะ ‘อีจัน’ ขอชื่นชมทั้งน้ำฝน และคุณยายที่เลี้ยงหลานมาได้ดีขนาดนี้ แม้จะยากจนเพียงใด ก็ไม่คิดเอาของใครมาเป็นของตัวเอง เห็นแล้วซึ้งใจจริงๆ ค่ะ


