รักไม่มีพรมแดน เรือนจำอ่างทอง จดทะเบียนสมรส 10 คู่รัก ในคุก
วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2568 วันแห่งความรัก นายธิตินัย พาติกบุตร ผบ.เรือนจำอ่างทอง ได้จัดกิจกรรม “สมรส สมรัก” จดทะเบียนสมรส ให้กับ 10 คู่รัก ในเรือนจำอ่างทอง แบ่งเป็น ผู้ต้องขังชายหญิง และสามี ภรรยาจากภายนอก 9 คู่ และผู้ต้องขัง LGBTQ กับสามีภายนอก 1 คู่
โดยมี นายทัศนัย สุทธาพจน์ รองผู้ว่าฯอ่างทอง มาเป็นประธานในพิธี และยังมี เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียน อำเภอเมืองอ่างทอง มาจดทะเบียนรัก ให้กับ 10 คู่รัก
บรรยากาศงานอบอวลไปด้วยความรัก มีพิธีแห่ขันหมาก เข้าไปภายในเรือนจำ และยังมีโต๊ะจีนจัดให้ ผู้ต้องขังชั้นดี มาร่วมกินอาหาร เปรียบเสมือนเป็นแขกในพิธีแต่งงาน
ส่วนคู่สามีภรรยา ที่มาเข้าร่วมจดทะเบียนสมรสในวันนี้ บางคู่กอดกัน ร้องไห้กัน เพราะเป็นวันที่พวกเขารอคอย
นอกจากนี้ยังมี คุณมุก จากรายการ เพลงเอก ซีซั่น 2 มาร่วมร้องเพลง ในระหว่างขณะจดทะเบียนสมรสด้วยค่ะ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศรัก ให้คละคลุ้งไปทั้งงาน
นายธิตินัย พาติกบุตร ผบ.เรือนจำอ่างทอง เล่าว่า วันนี้ เป็นครั้งแรกของเรือนจำอ่างทอง ที่มีการจัดงานจดทะเบียนสมรส ให้กับคู่รักผู้ต้องขัง เพื่อให้เขานึกถึงสถาบันครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้เขาอยากกลับตัวกลับใจเป็นคนดี รีบกลับไปอยู่กับครอบครัวโดยเร็ว และไม่ทำผิดอีก
ก่อนจะมีงานจดทะเบียนสมรสในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำ ได้สอบถามความประสงค์กับคู่รัก ก่อนจะนำข้อมูลไปตรวจสอบที่ ว่าการอำเภอเมืองอ่างทอง เพื่อเช็กว่ามีการจดทะเบียนสมรสซ้ำซ้อนหรือไม่ งานในวันนี้ผมรู้สึกชื่นใจมาก
อีจัน ได้คุยกับ คู่รัก LGBTQ ผู้ต้องขังอายุ 21 ปี ส่วนแฟนอายุ 52 ปี ถึงแม้ว่าอายุจะห่างกันถึง 31 ปี แต่ก็เป็นรักที่มั่นคงมากเลยค่ะ
ผู้ต้องขัง เล่าว่า ครอบครัวของหนูแตกแยก หนูเคว้งคว้าง ไม่เหลือใครเลย หนูเร่ร่อนมาตลอด จนมาเจอ และย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกหนูผมยาว แต่งตัวเป็นผู้หญิง พอแฟนถามว่า เปลี่ยนให้พี่ได้ไหม เธอยอมเปลี่ยน ตัดผมสั้นเป็นผู้ชาย แต่งตัวเป็นผู้ชาย เพราะว่าเรารักเขา จนคบกันมา 1 ปี ตอนนั้นหนูติดยา กำลังขับรถไปเอายา ตำรวจตามไปจับ ตอนนี้หนูติดคุกมาได้ 5 เดือนแล้ว เหลือโทษอีก 4 เดือน หนูภูมิใจในตัวแฟนมาก หนูรักเขามาก ออกไปรอบนี้ไม่กล้าทำความผิดอีกแล้ว
ส่วนแฟน ของผู้ต้องขัง เล่าว่า ตอนแรกเขาใส่กระโปรง ผมยาว แต่งตัวเป็นผู้หญิง ตอนนั้นผมไม่มั่นใจว่า ครอบครัวผมจะยอมรับหรือเปล่า เลยถามเขาว่า เปลี่ยนได้ไหม เขาก็เปลี่ยนเพื่อผม จนถึงวันที่เขาโดนจับติดคุก ผมยังรอเขา เพราะเขาไม่เหลือใครแล้ว ผมรักเขา อยากจะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ถ้าเขาออกจากคุก ผมก็จะให้เขาเรียนให้จบ กศน. ให้จบ
ถ้าคนบูลลี่ ไม่เป็นอะไรเลยครับ แล้วแต่ใครจะคิดยังไง ตอนนี้ผมยอมรับตัวเองได้ ไม่แคร์สังคม แค่ครอบครัวผมรับได้ก็พอแล้ว รักไม่จำกัดเพศ รักได้ทุกคน
อีจัน ยังได้กับคุยกับ คู่รักชายหญิง ซึ่งฝ่ายชาย เป็นผู้ต้องขัง อายุ 24 ปี ส่วนฝ่ายหญิง อายุ 35 ปี ยังคงรอสามีพ้นโทษ ได้ออกมาอยู่ด้วยกัน
ฝ่ายหญิง เล่าว่า ก่อนที่แฟนจะติดคุก เราคบกันมา 1 ปี ส่วนใหญ่แฟนใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน ติดเพื่อน และขายยาเสพติด พอเธอเตือนแฟนก็ไม่ฟัง สุดท้ายแฟนโดนจับ เข้ามาอยู่ในเรือนจำเกือบจะ 2 ปีแล้ว
เธอรู้สึกว่ารักแฟนมากขึ้น พอไม่ได้อยู่ด้วยกัน รู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้ อยู่ด้วยกันดีกว่า ก็เลยตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกัน แฟนเหลือโทษอีก 1 ปีกว่าๆ ถ้าออกมาได้อยู่ด้วยกัน ก็จะวางแผนแต่งงาน มีลูก และแฟนก็จะบวช
เหตุผลที่ยังให้โอกาสเขาอยู่ เพราะว่า “รัก” อยากให้เขาอดทนสู้ๆ เพราะยังรออยู่ตลอด ทุกวันนี้ที่ยอมเหนื่อยก็เพื่อเขา เป็นเสาหลักครอบครัว ต้องดูแลแม่ของเขาด้วย
และคู่รักคู่สุดท้าย ที่อีจันได้คุย เป็นคู่รักชายหญิง ที่ติดคุกด้วยกัน
ฝ่ายหญิง เล่าว่า เราทั้งคู่รักกันมา 5 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ขวบ แต่เราเดินทางผิดไปขายยา จนชีวิตพลิกผันมาอยู่ในคุก ส่วนลูกยายก็เป็นคนเลี้ยง
วันนี้ตื่นเต้นมาก ที่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน เหตุผลที่จดทะเบียนสมรส เพราะอยากให้แฟนไว้ใจ แฟนยังต้องติดคุกอีก 14 ปี ส่วนเธอเหลือโทษอีก 1 ปี 1 เดือน ถ้าเธอพ้นโทษก่อน ก็ไม่คิดที่จะหย่าสามี รักแฟนคนเดียว รักเสมอ อยากกลับไปอยู่กับลูก
ฝ่ายชาย เล่าว่า ปีหน้าแฟนก็พ้นโทษแล้ว รู้สึกตกใจ บอกไม่ถูก ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมยังต้องติดคุกอยู่ แต่ก็เป็นห่วงเขา เพราะอยู่ในคุกเจอกัน เดือนละ 1 ครั้ง เวลามีกิจกรรมครอบครัวสัมพันธ์ อยากให้แฟนดูแลตัวเองดีๆ รอวันที่จะได้เจอกัน อยากบอกลูกว่ารักและคิดถึงเสมอ
อีจันขอแสดงความยินดี กับคู่รักทุกคู่ด้วยนะคะ
ขอให้ความรักในครั้งนี้ นำทางให้คู่รักทุกคู่ที่แต่งงานในวันนี้ ไม่เดินหลงผิดอีกแล้ว
