
คืบหน้าเหตุระทึกตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม จากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68
หลังจากนายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธาน กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระฯ ได้เชิญผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มาชี้แจง หลังเกิดปัญหาด้านภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือ พร้อมถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใส จากเหตุการณ์ตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม โดย ผู้ว่า สตง.ได้มอบหมายนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ และนางพิมพา วภักดิ์เพชร รองผู้ว่า สตง. พร้อมคณะมาชี้แจงแทน และถือว่าเป็นครั้งแรกที่ สตง. มาชี้แจงเรื่องนี้
วันนี้ (10 เม.ย.68) เฟซบุ๊กสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า ที่รัฐสภา นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ และนางพิมพา วภักดิ์เพชร รองผู้ว่า สตง. พร้อมคณะมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระฯ สภาผู้แทนราษฎร (ช่วงเช้า) และคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ ของสภาผู้แทนราษฎร (ช่วงบ่าย )
โดย นายสุทธิพงษ์ รองผู้ว่า สตง. กล่าวว่า ยินดีชี้แจง เพราะต้องการนำเสนอข้อเท็จจริง เพราะมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถนนสุดสายวิ่งมาที่ สตง. แมลงวันบินผ่านก็ด่าได้ วันนี้จึงอยากพูดข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่พิเศษ เพราะฉะนั้นการก่อสร้างทั้งหมด ต้องจ้างออกแบบ และจ้างควบคุมงาน ส่วนเรื่องการป้องกันแผ่นดินไหว ต้องไปถามผู้ออกแบบ ซึ่งเขาก็บอกว่าดำเนินการแล้ว
มีการตั้งคำถาม ว่ามีคนแค่ 500 คน ทำไมต้องสร้างตึกใหญ่โต คนที่พูดแสดงว่าไม่มีความรู้ จริงๆ สตง. มีพนักงาน 4,000 คน จึงต้องสร้างตึกสูงแบบนี้ เห็นเมื่อไรก็เสียใจทุกครั้ง เพราะตอนนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว ยืนยัน การดำเนินการทุกอย่างยึดหลักกฎหมาย ตั้งแต่จ้างผู้ออกแบบ มีการแต่งตั้งกรรมการจ้างออกแบบ ส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการมา 24 ราย แต่มายื่นข้อเสนอ 3 ราย จากนั้นคณะกรรมการพิจารณาตามเกณฑ์คะแนน พบว่า บริษัท บจก.ฟอ-รัม อาร์คิเทค และ บจก.ไมนฮาร์ท ประเทศไทย ได้รับคะแนน 91.12 คะแนน จึงอนุมัติจ้างออกแบบ ในวงเงิน 73 ล้านบาท
จากนั้นคัดเลือกบริษัทควบคุมงาน คณะกรรมการได้ส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการ จำนวน 19 ราย มี 5 รายที่ส่งข้อเสนอมา ระหว่างนั้น สตง. ได้ขอเข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรมด้วย แต่คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต แจ้งไม่คัดเลือกตึก สตง.เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม

ขณะที่การจัดซื้อจัดจ้าง ก็เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมบัญชีกลาง ซึ่งมีผู้เข้าประกวดราคา 16 ราย แต่ “กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี” เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยไม่พบช่องว่า มีการฮั้ว และคำตอบที่ได้รับ คือบริษัทดังกล่าวมีทุน และเทคโนโลยีจากจีน และบริษัทก็อ้างว่าทำงานได้ แม้จะได้งบประมาณตามที่เสนอราคาไว้ นอกจากนี้เพื่อความโปร่งใส สตง.ยังได้ทำ MOU กับ ACT องค์การต่อต้านคอรัปชั่น ประเทศไทย เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบร่วมด้วย
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ระยะเวลา ก่อสร้าง 3 ปี ขยาย 2 ครั้ง เนื่องจากโควิด และมีการปรับรูปแบบ แต่นี่ 4 ปี เพิ่งได้ 33 % เพราะผู้รับก่อสร้างมีปัญหาเรื่องทุน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ จึงมีมติบอกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 15 ม.ค.68 แล้ว และอยู่ระหว่างการเสนอผู้มีอำนาจดำเนินการ แต่ปรากฏว่ามาเกิดเหตุเสียก่อน
ยืนยันว่า ไม่เคยรู้เรื่องบริษัทจีนที่มาร่วม เพราะอิตาเลียนไทยออกหน้ามาตลอด สตง.ยังดีใจอยู่เลยที่ได้บริษัทที่มีระดับเบอร์ 1 ของประเทศ นายสุทธิพงษ์ กล่าว
หลังจากนั้นประธานในที่ประชุม ได้ขอเชิญสื่อมวลชน ออกจากห้องประชุมเนื่องจากต้องซักถามในประเด็นที่ละเอียดอ่อนเพิ่มเติม