
วันนี้ (19 มี.ค.68) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดี อ.1662/2566 ระหว่างนายณพ ณรงค์เดช กับนายกฤษณ์ ณรงค์เดช และพวกรวม 3 คน ฐานความผิดยักยอกทรัพย์ มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท
หลังฟังคำพิพากษาประมาณ 2 ชั่วโมง นายณพ ณรงค์เดช ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อฯว่า สืบเนื่องจากมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง เป็นทรัพย์มรดกของคุณแม่ ที่โอนเป็นชื่อตนมาเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นได้มีการปล่อยที่ดินให้บุคคลนอกเช่าโดยที่ไม่ได้บอกตน และตนไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรเลย ซึ่งตนเคยฟ้องแล้ว 1 ครั้ง ศาลสั่งจำคุก 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา / หลังจากนั้นจำเลยยังมีพฤติกรรมเดิม จึงมีการฟ้องคดีที่ 2 ลักษณะคดีเดียวกัน ต่างกรรมต่างวาระ วันนี้ศาลสั่งจำคุกจำเลย 44 เดือน ไม่รอลงอาญา (11 กรรม กรรมละ 4 เดือน)
ในคดีระหว่างพี่น้อง ที่ตนเป็นโจทก์ ตนชนะคดีทั้งหมดแล้ว ส่วนมากเป็นเรื่องมรดก ซึ่งแม่เสียตั้งแต่ปี 2556 จนตอนนี้ผ่านมา 12 ปี ยังจัดสรรมรดกยังไม่เรียบร้อย เมื่อปี 2566 ศาลให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกร่วม แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่ชาย เคยมีการพูดคุยเจรจากันหลายครั้ง แต่ไม่สามารถคุยกันได้ ก่อนเสียชีวิตได้เขียนพินัยกรรมอย่างชัดเจน มีส่วนที่ยกให้หลาน (ลูกของตน) ด้วย แนวทางจากนี้ต้องปล่อยให้เป็นตามขบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุกนายกฤษณ์ ณรงค์เดช 44 เดือน ไม่รอลงอาญา โดยจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวในวงเงิน 400,000 บาท

หลังฟังคำพิพากษาคดีที่ศาลแขวงพระนครใต้ นายณพ ณรงค์เดช กล่าวว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนได้ร้องเรียนอธิบดีผู้พิพากษาและรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลแห่งหนึ่งจากกระบวนพิจารณาที่ไม่ตรงไปตรงมา และก่อนหน้านี้ก็มีหลักฐานว่า อธิบดีผู้พิพากษาดังกล่าวได้มีทางเดินเข้าออกบ้านพี่กับน้องซึ่งเป็นคู่ความของตนจำนวนหลายครั้ง
ซึ่งต่อมาตนและทนายความก็รู้สึกว่ากระบวนพิจารณาไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างเช่นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเกินส่วน มีการอายัดหุ้นมากกว่าที่โจทก์ฟ้องซึ่งไม่มีข้อกฎหมายใดๆ รองรับก็ให้ และมีการเปลี่ยนตัวรองอธิบดีผู้พิพากษาที่โดนตนร้องคนดังกล่าวมาเป็นเจ้าของสำนวนตนเกือบทุกคดี จนเราร้องเรียนคณะกรรมการตุลาการไป จึงมีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา
นายณพ กล่าวต่อว่า จากนั้นมีการพิพากษาให้ตนชนะคดี ซึ่งขณะนี้นานมากกว่า 2 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันเงินปันผลกว่า 3.4 พันล้านบาท ก็ยังถูกอายัดอยู่ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทำความเดือดร้อนให้กับตนอย่างมหาศาล เนื่องจากตนต้องดูแลธุรกิจ และดูแลลูกน้อง ทำให้โอกาสทำธุรกิจเสียหาย เป็นจำนวนมหาศาลมาก คดีนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่คำสั่งอายัดกลับมาจากศาลชั้นต้น ซึ่งก็มีความสับสนว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นอำนาจของศาลไหนกันแน่ ซึ่งทีมกฎหมายของตนกำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่
นายณพ กล่าวอีกว่า ส่วนผลการร้องเรียน ก.ต.ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นถ้าเป็นเรื่องของตนจริง ตนก็ต้องขอขอบคุณ ก.ต. ซึ่งทราบจากทางหน้าสื่อว่า ก.ต.มีมติตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่เรื่องข้อเท็จจริงนั้นตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวน 100 กิโลกรัม หรือ 100 ล้านบาทนั้น พอได้ฟังข่าวก็ตกใจเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งมาจากผลการประชุมคณะกรรมการตุลาการครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ก็คงต้องรอ
ทั้งนี้เรื่องเงิน 100 ล้านบาทของใคร อยากเรียนว่า ตนเป็นผู้ร้อง เป็นผู้ได้รับความเสียหาย ตอนนี้อยากทราบว่าเงิน 100 ล้านบาทมาจากไหน มาจากใครมาจากบริษัทมหาชนหรือไม่ หรือมาจากกองมรดก เรื่องคดีนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 คนเท่านั้นคือตน พี่ชายตน และน้องชายตน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนให้แน่ๆ ก็คงต้องไปถาม 2 คนนั้น เรื่องนี้ตนแค่ทราบจากสื่อ ที่ร้องเรียนไปเพียงประเด็นว่าอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านและประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณาคดี ที่ตนเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

ด้าน นายพิชา ป้อมค่าย ทนายความส่วนตัวของนายกฤษณ์ ณรงค์เดช ให้สัมภาษณ์สื่อ พร้อมกับนายกรณ์ ณรงค์เดช ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจนายกฤษณ์ พี่ชาย ว่า ในส่วนของประเด็นเงิน 100 โล ตนไม่แน่ใจว่ามีการเข้าใจผิดหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องเรื่องบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ เราจึงได้ใช้สิทธิตามกฎหมายขอให้ศาลมีการคุ้มครองต่อ และศาลพิจารณาแล้วว่าคำขอของเรามีมูลเพียงพอที่จะให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อไปศาลให้เราวางเงิน 100 ล้านเป็นการวางเงินประกันความเสียหายต่อศาล และเป็นเรื่องที่เราปฏิบัติตามคำสั่งศาล ไม่ได้นำไปให้บุคคลอื่นอย่างแน่นอน ซึ่งเรามีหลักฐานที่สามารถเช็กได้อยู่ในระบบ โดยเป็นคำสั่งศาลชั้นต้นที่คุ้มครองในชั้นอุทธรณ์เนื่องจากตอนนั้นสำนวนยังไม่ส่งไปศาลอุทธรณ์
