เปิดชีวิต โสเภณีวัย 57 เล่าอุทาหรณ์เจ็บปวด เพราะไว้ใจผู้ชาย

ซ่องนรกต้องขายตัว! เปิดชีวิต โสเภณีวัย 57 เล่าอุทาหรณ์เจ็บปวด เพราะไว้ใจผู้ชาย ยอมขายตัวหาเงิน เพื่อลูกที่รักสุดหัวใจ

ชีวิตจริง ยิ่งกว่าละคร เปิดชีวิต โสเภณีวัย 57 ปี เพราะความไว้ใจผู้ชาย เป็นเหยื่อล่อทำให้เธอ ตายทั้งเป็น ต้องหาทางรอดชีวิต เป็นโสเภณี อยู่ในซ่องนรก ใช้ร่างกายหาเงินเพื่อลูก กว่าจะได้เงินแต่ละบาท เจ็บปวด ทรมาน

อีจัน ได้คุย แม่เลม่อน (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี เธอทำงานขายบริการ ได้เปิดใจ เล่าชีวิตของเธอ ให้อีจันฟังแบบหมดเปลือก เพื่ออยากให้เรื่องของเธอ เป็นอุทาหรณ์เตือนใจทุกคน

จากเด็กบ้านนา… พ่อแม่ไม่รัก
แม่เลม่อน เล่าว่า เธอเกิดมาในครอบครัวยากจน อยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ พ่อแม่ทำนา มีลูก 8 คน เธอเป็นลูกคนที่ 7 ชีวิตของเธอไม่เคยมีคำว่ารัก มีแต่ความรันทด เธอจำได้เสมอว่า ไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่เหมือนพี่น้อง ไม่เคยได้ของเล่น ไม่เคยได้กินขนมแพงๆ

พี่น้องขอเงินแม่ไปดูหนังกลางแปลงก็ได้ดู ขอชุดนักเรียนใหม่ก็ได้ แต่เวลาเธอขอ ไม่เคยได้สักอย่าง รู้สึกเหมือนพ่อแม่ไม่รักเธออยู่คนเดียว เลยจำฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตวัยเด็กของเธอจึงเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและคำดุด่า แต่เธอไม่เคยโกรธพ่อแม่ เธอรู้ว่า พวกเขาก็แค่ไม่มีจริงๆ

เธอดิ้นรนชีวิตหาเงิน ตั้งแต่ ป.5 รับจ้างเผาถ่าน ปีนต้นไม้เก็บสะเดา มะขาม ใส่กระธงขาย ไม่เคยอาย เพราะอยากได้เงิน พอเธอได้เงินมาก็แบ่งให้พ่อแม่และพี่น้อง

จบ ป.6 หนีออกจากบ้าน มาสู้ในเมืองกรุง
แม่เลม่อน เล่าว่า พอเรียนจบ ป.6 เห็นเพื่อนมาทำงานกรุงเทพ ได้แต่งตัวสวยๆ ตอนนั้นพี่สาวให้เงินติดตัว 200 บาท เธอเลยตัดสินใจหนีออกจากบ้าน เข้ามากรุงเทพฯ พ่อแม่ก็ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ตามกลับบ้าน

เธอมาทำงานขายก๋วยเตี๋ยว แถววงเวียนใหญ่ อยู่กับเจ้านายผู้หญิง ซึ่งเจ้านายเอ็นดูเธอ ช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ให้เธอไปอยู่ห้อง ที่เจ้านายเช่าไว้ หลังจากขายก๋วยเตี๋ยวได้ 3-4 ปี เจ้านายก็เลิกขาย ย้ายไปอยู่สมุทรปราการ เธอก็แยกออกมาหางานใหม่ ไปทำโรงงานเย็บผ้า

แต่ละวันต้องนั่งเย็บผ้าเป็นพันตัว บางทีก็หลับคาจักร จนเข็มเย็บผ้าปักนิ้ว ก็ต้องทน เพราะถ้าหยุด ก็ไม่มีเงินกินข้าว ในระหว่างที่เธอทำโรงงาน ก็ไม่เคยลืมเจ้านายเก่า แวะไปเยี่ยมเจ้านายที่สมุทรปราการ ไปช่วยเจ้านายขายของ ช่วยเจ้านายเลี้ยงหลาน ที่เป็นลูกของลูกสาวเจ้านาย หลังคลอดก็ทิ้งลูกไปเลย เธอสงสารเจ้านายเพราะอายุเยอะแล้ว ไม่แข็งแรง เธอไปช่วยไม่ได้เงิน แต่เพราะรักผูกพัน และสงสารเจ้านาย

หลังจากนั้น เธอตัดสินใจลาออกจากโรงงาน มาช่วยเจ้านายเต็มตัว ที่สมุทรปราการ และเธอก็เปิดร้านขายขนมปังสังขยา แต่ก็ไปไม่รอด ต้องกลับไปทำโรงงานเหมือนเดิมที่กรุงเทพ แต่ก็เทียวไป เทียวกลับหาเจ้านายเก่าที่ สมุทรปราการ

จนกระทั่ง ไปรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง เขาชอบมานั่งที่ร้านอาหารของหลานเจ้านายเก่า เธอไว้ใจและเชื่อใจ ผู้ชายคนนี้แบบเพื่อน แต่เธอไม่ได้รัก ตอนนั้นอายุ 25 ปี เธอไม่รู้จักความรัก

เพราะความไว้ใจ ทำให้เธอตายทั้งเป็น!
เมเลม่อน เล่าว่า ผู้ชายคนนี้ ชวนเธอไปที่ห้องเช่า และใช้กำลังข่มขืน เธอพยายามดิ้นหนี แต่แรงของเธอไม่มีทางสู้เขาได้

หลังจากครั้งแรกโดนข่มขืน ต่อมาอีก 2 ครั้ง เธอก็ให้ผู้ชายคนนี้ เพราะโดนมาแล้ว ปล่อยเลยตามเลย จนกระทั่งเธอท้อง รู้ตัวอีกทีก็ใกล้คลอดแล้ว พอไปฝากท้อง หมอนัดคลอดอาทิตย์หน้าเลย

เธอไปคลอดลูกตัวคนเดียว เจ็บปวดทรมาน ผู้ชายคนนั้น ที่เป็นพ่อของลูก ทิ้งเธอไปเลย ปล่อยให้เธอกับลูกอยู่ตามลำพัง

ไม่อยากมีชีวิต อยู่ต่อไปอีกแล้ว!
แม่เลม่อน เล่าว่า เธออยู่กับลูกสองคนในห้อง ไม่มีเงินติดตัวสักบาท จำได้ว่ามีผ้าอ้อมอยู่ 3 ผืนติดตัวมา ลูกฉี่ทั้งคืน ต้องใช้ถุงหิ้วรองฉี่ลูก

ช่วงนั้นลำบากที่สุดในชีวิต ต้องอุ้มลูกไปขอข้าวคนอื่นกิน นมก็ไม่มี ข้าวก็ไม่มี น้ำก็ไม่มี ต้องเปิดน้ำก็อกดื่ม หิวข้าว หิวน้ำมากๆ สงสารลูก สงสารตัวเอง พ่อแม่ก็ไม่รู้ ไม่มีใครรู้ ไม่อยากบอกใคร เพราะเธอพลาดคนเดียว

ตอนนั้น คิดจะฆ่าลูกและฆ่าตัวตาย เพื่อหนีจากความลำบาก นั่นเป็นแค่ความคิด เธอเลือกที่จะ มีชีวิตสู้ต่อไป

ไม่มีทางเลือก ต้องขายตัวไหนซ่องนรก!
ตอนนั้นเพื่อนแนะนำ ให้เธอไปขายตัวในซ่อง เธอตัดสินใจ พาลูกที่เพิ่งเกิด ไปอยู่ในซ่องด้วยกัน เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เป็นไม้กระดาน ห้องน้ำต้องใช้รวม

พอแขกเข้ามาในห้อง แล้วเห็นเด็กนอนอยู่ แขกก็ตกใจ แต่ก็ต้องทำเพราะจ่ายเงินไปแล้ว เธอก็ต้องรับแขก โดยมีลูกนอนอยู่ข้างๆ เธออายชีวิตไม่เคยเจอแบบนี้ รู้สึกว่า “กูต้องมีชีวิตรอด กูต้องอยู่ให้ได้ กูต้องไม่ตาย ลูกกูต้องไม่ตาย กูต้องอิ่ม อยากมีเงินซื้อข้าวซื้อน้ำกิน”

บางวันเธอรับลูกค้ามากที่สุด 10-15 คน เธอเจ็บ ขยะแขยง รังเกียจ แต่ก็ต้องทนเพื่อเงิน เธอคิดว่า นรกก็ไม่ถึงขนาดนี้ เธอได้ค่าตัวครั้งละ 100 กว่าบาท

ขายตัวแลกเงิน เริ่มลืมตาอ้าปากได้!
หลังจากพาลูกที่เพิ่งเกิด เข้าไปอยู่ในช่องได้ประมาณ 1 อาทิตย์ พอเธอเริ่มมีเงิน ก็พาลูกไปฝากเลี้ยง ส่วนเธอก็ยังทำงานรับแขกอยู่ในซ่อง จนเริ่มลืมตาอ้าปากได้ มีเงินใช้

เธอมีประสบการณ์ในซ่องมากขึ้น จนตัดสินใจขายยาในซ่องด้งย เธอยอมแลก เสี่ยงติดคุก ขอแค่ได้เงินเลี้ยงลูก มีชีวิตที่ดี แต่ก็ผ่านตรงนั้นมาได้

หนีไม่พ้น ต้องขายตัว!
แม่เลม่อน เล่าว่า พอเธอเริ่มมีเงิน ก็ตัดสินใจออกจากซ่อง เลิกขายตัว ไปเปิดร้านขายยำ แต่ขายได้ไม่นาน ร้านก็เจ๊ง เธอก็ต้องกลับมาขายตัว วนเวียนอยู่ในวงจร ขายของ ขายตัว แต่ทำทุกอย่างที่ได้เงิน เพื่อส่งให้ลูกเรียน อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดี

ตอนลูกอยู่ ป.6 เธอก็ให้ลูกไปอยู่กับพี่สาวที่ จ.กาฬสินธุ์ เธอก็มีหน้าที่ ทำงาน ส่งเงิน ไปให้ลูกใช้

พอลูกเกเร เธอก็รับลูกมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ลูกเห็นเธอแต่งตัวสวยๆ ไปทำงานทุกวัน พอลูกถามแม่ไปไหน เธอก็โกหกลูกว่า แม่ไปขายของ ซึ่งลูกของเธอเป็น LGBTQ รักสวยรักงาม

โกหกมา 20 ปี ต้องบอกความจริงลูก!

จนกระทั่งลูก ลูกอายุ 20 ปี เธอเลยตัดสินใจบอกความจริงกับลูกว่า แม่เป็นโสเภณี ที่แม่ทำทุกอย่างก็เพื่อลูก ให้มีกิน มีใช้ อยู่อย่างสุขสบาย ไม่อยากให้ลูกมาขายตัวแบบแม่ เพราะไม่อยากให้เจออะไรแย่ๆ แบบที่เธอเจอ

ในชีวิตนี้เธอไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว นอกจากลูกของเธอ เพราะความรักที่พ่อของลูก ทำกับเธอเอาไว้นั้น เจ็บปวดเหลือเกิน อยากให้ลูกรู้ไว้ว่า แม่ทำเพื่อลูก

เจ็บปวด กว่าจะได้เงินแต่ละบาท!

ตลอด 30 ปี ที่เธอขายตัวแลกเงิน เจอแขกมาทุกรูปแบบ ทั้งกัดหน้าอก ทั้งรุนแรง ซาดิสม์ ทั้งเหม็น สกปรก จะอ้วก แต่ก็ต้องทำเพื่อเงิน

บางครั้งเจอแขก แอบจิกถุงยางให้แตก หรือถอดถุงยางในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เธอเป็นโรคหนองใน ซิฟิลิส แต่โชคดีที่ไม่ติดเชื้อ HIV ตอนนั้นเธอไม่มีความรู้เรื่องโรคพวกเลย แต่พอไปหาหมอ ก็แนะนำ

บางครั้งเธอก็ยอมรับแขกแบบสวิง 6-7 คน ที่ทำก็เพื่อเงิน โดนแอบถ่าย จนมีคลิปหลุดบ้าง แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เธอไม่ได้อยากเป็นโสเภณี แต่ที่ทำก็เพราะเงิน

ถึงแม้ว่าตอนนี้เธออายุ 57 ปีแล้ว ก็ยังเลือกที่จะทำงานแบบนี้อยู่ บางวันยืนรอลูกค้าใต้ต้นมะขาม 7-8 ชั่วโมง ก็ยังไม่มีแขก ก็ต้องกัดฟันสู้ หาเงินพอให้มีค่ารถ ค่าข้าว ในแต่วัน ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี สงกรานต์คนเก็บเงินกลับบ้าน ก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่

ทำไมอายุ 57 ยังทำงานนี้?

แม่เลม่อน บอกว่า “อยู่กรุงเทพยังมีงานให้ทำ ยังมีเงินกิน พอมีสำรองนิดหน่อย ถึงเวลาก็กลับบ้านไปกาฬสินธุ์ ถามว่าอายไหม ไม่อาย ตัวของแม่ เรื่องของแม่ ใครจะมองยังไงก็เรื่องของเขา”

นี่คือ อุทาหรณ์บทเรียนชีวิต ที่แม่เลม่อน เล่าให้อีจันฟังค่ะ จงอย่าเชื่อใจใครง่ายๆ เพราะอาจนำพาชีวิต ไปสู่ความเจ็บปวด ที่ฝังใจไม่ลืม