ครูฝึกสอนวัย 22 ปลอมเฟซบุ๊ก ลวงนักเรียนสาวส่งคลิปโป๊

รวบครูฝึกสอนวัย 22 ปลอมเฟซบุ๊ก ลวงนักเรียนสาวส่งคลิปโป๊

อย่าอยากเป็นครู เพียงเพื่อต้องการมีอาชีพ!

วันนี้ (7 พ.ย.62) เจ้าหน้าที่คุมตัวนายฤทธิเดช ลีศีริขุนกลาง อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ไปสอบสวนที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5

หลังก่อเหตุปลอมเฟซบุ๊กล่อลวงเหยื่อที่เป็นเด็กหญิงกว่า 20 ราย ให้ส่งภาพลามกอนาจาร โดยเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมได้คาหอพัก ใน อ.เมือง จ.เชียงราย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ทางตำรวจได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงจำนวน 2 ราย ให้จับกุมคนร้ายที่สร้างเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา ใช้พูดคุยล่อลวงหลอกลวงเด็กหญิงผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ให้ส่งภาพอนาจาร เมื่อได้มาแล้วบอกให้ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ถ่ายคลิปโป๊ให้อีก โดยข่มขู่ว่าหากไม่ทำตามจะปล่อยภาพหรือคลิปวิดีโอที่ใช้กลอุบายหลอกลวงได้มาก่อนหน้านี้ นำไปเผยแพร่ในโลกโซเชียล

ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวเล่าให้ผู้ปกครองฟังและเข้าร้องเรียนกับตำรวจ กระทั่งมีการสืบสวนและมีหลักฐานว่าผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กล่อลวงเด็กหญิงคือนายฤทธิเดช จึงขออนุมัติหมายศาลเข้าจับกุมได้ในที่สุด

ภาพจากอีจัน

จากการตรวจค้นห้องพักพบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง , คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง ตรวจสอบข้อมูลทั้งในมือถือและพบภาพและคลิปวีดิโอของผู้เสียหายจำนวนมาก อายุระหว่าง 10-20 ปี และ ยังพบการสนทนากับผู้เสียหายผ่านโปรแกรมแชทต่าง ๆ อีกจำนวนมาก

นายฤทธิเดช ยอมรับว่า ได้ปลอมเฟซบุ๊กขึ้นมา โดยใช้โปรไฟล์เป็นหญิงวัยรุ่น เข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหายทั้ง 3 ราย โดยใช้เวลาพูดคุยจนเริ่มสนิทสนม จากนั้นได้วาทะศิลป์หลอกให้ผู้เสียหายถ่ายภาพอนาจารส่งมาให้ ก่อนจะข่มขู่เอาคลิปเพิ่มเพราะต้องการนำภาพไปสำเร็จความใคร่ โดยจะเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กหญิงอายุน้อย

โดยก่อเหตุแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาหลอกผู้เสียหายมาแล้วกว่า 20 คน อายุน้อยสุดคือ 13 ปี และ ยืนยันว่าเก็บไว้ดูเองเท่านั้น

ภาพจากอีจัน

หลังถูกจับนายฤทธิเดชยังขอโทษผู้เสียหายกับสิ่งที่ทำลงไป บอกว่าที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และ ยอมรับผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อขึ้น

เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา 287/1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
ขณะที่ตำรวจจะสืบสวนขยายผลว่ามีใครร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่

รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากพบเข้าข่ายจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมทันที

สุดท้ายนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ฝากเตือนประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่เข้ามาตีสนิททางโลกโซเชียล เราพบปัจจุบันมีความเสียหายจากการถูกหลอกลวงในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก พร้อมขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสหาข้อมูลผู้กระทำผิดผ่านสายด่วน 191