ใครน้ำหนักลด เช็กด่วน! แพทย์เตือน มีอาการแบบไหน เสี่ยงเป็น “มะเร็ง” ภายใน 6 เดือน 

อย่าปล่อยให้สายไป! นพ.เจษฎ์ โพสต์เตือน น้ำหนักลดแบบไหนต้องระวัง เสี่ยงเป็น “มะเร็ง” ภายใน 6 เดือน แนะ รีบสังเกตตัวเอง-ไปพบแพทย์

ใครจู่ๆ น้ำหนักลด รีบเช็กด่วน อย่ารอให้สายเกินไป!  

วันนี้ (25 มี.ค.68) นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความเตือนผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอเจด ระบุว่า… 

“ระวังให้ดี! มีอาการแบบนี้ อาจเป็น “มะเร็ง” ใน 6 เดือน 

1. น้ำหนักลดแบบไหนที่ต้องระวัง? 

เวลาที่อยู่ๆ น้ำหนักก็ลดลงแบบไม่ตั้งใจ ทั้งที่ไม่ได้คุมอาหารหรือออกกำลังกายหนักขึ้นบางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องดี แต่จริงๆ แล้ว ถ้าน้ำหนักลดมากกว่า 5% ของน้ำหนักตัวในช่วง 6-12 เดือน (เช่น จาก 70 กก. เหลือ 66 กก. โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย) อาจมีอะไรมากกว่านั้น 

งานวิจัยล่าสุด “Prioritising primary care patients with unexpected weight loss for cancer investigation: diagnostic accuracy study (update) Brian D Nicholson et al. BMJ. 2024. ”ศึกษาคนกว่า 3 แสนคน พบว่า การที่อยู่ๆน้ำหนักแบบนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็ง โดยเฉพาะถ้าเกิดกับคนที่อายุเกิน 50 ปี หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย มันก็จะดีนะ ถ้าเจอเร็ว ก็มีโอกาสรักษาได้ทัน แต่ความน่ากลัวคือ หลายคนมองข้ามมันไป 

2. ใครบ้างที่เสี่ยงที่สุด? 

ถ้าพูดถึงโอกาสที่น้ำหนักลดจะเกี่ยวกับมะเร็ง งานวิจัยนี้ชี้ว่ากลุ่มเสี่ยงสูงคือ 

– ผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป 

– ผู้หญิงอายุ 60 ปีขึ้นไป 

– คนที่เคยสูบบุหรี่ 

– คนที่มีอาการอื่นร่วมกับน้ำหนักลด 

สำหรับคนกลุ่มนี้ โอกาสเป็นมะเร็งภายใน 6 เดือนหลังจากเริ่มน้ำหนักลดนั้นสูงกว่า 3% ซึ่งถือว่าเยอะพอที่หมอจะแนะนำให้ตรวจหาโรคมะเร็งแบบจริงจังนะครับ 

ส่วนคนที่อายุน้อยกว่านั้น ถ้าไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย โอกาสเป็นมะเร็งก็ค่อนข้างต่ำ (ต่ำกว่า 3%) ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องรีบตรวจหามะเร็งในทันที 

3. อาการอะไรบ้างที่ต้องจับตา? 

น้ำหนักลดเองอาจยังไม่บอกอะไรมาก แต่ถ้ามาพร้อมกับอาการอื่นๆ โอกาสเป็นมะเร็งจะเพิ่มขึ้น งานวิจัยนี้พบว่า 

ในผู้ชายมีอาการที่สัมพันธ์กับมะเร็ง เช่น 

– อ่อนเพลียตลอดเวลา 

– ปวดท้องบ่อย 

– ดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง) 

– ไอเรื้อรังแบบไม่มีเหตุผล 

– กลืนอาหารลำบาก 

– อาเจียนเป็นเลือด 

– ปัสสาวะเป็นเลือด 

– คลำเจอก้อนในทวารหนัก 

ในผู้หญิงอาการที่สัมพันธ์กับมะเร็ง เช่น 

– ปวดหลังเรื้อรัง 

– ดีซ่าน 

– คลำเจอก้อนในอุ้งเชิงกราน 

– อาเจียนเป็นเลือด 

– ปัสสาวะเป็นเลือด 

ถ้ามีอาการเหล่านี้ร่วมกับน้ำหนักลด โอกาสเป็นมะเร็งพุ่งสูงขึ้นหลายเท่านะ เช่น ในผู้ชาย ถ้ามีอ่อนเพลียร่วมกับน้ำหนักลดโอกาสเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 1.43 เท่า แต่ถ้าพบก้อนที่ทวารหนัก โอกาสจะสูงถึง 21 เท่า เลยทีเดียว

ส่วนผู้หญิง ถ้ามีปวดหลังร่วมกับน้ำหนักลด โอกาสเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 1.28 เท่า และถ้ามีก้อนในอุ้งเชิงกราน ความเสี่ยงสูงถึง 19.46 เท่า 

4. ตรวจเลือดช่วยบอกอะไรได้บ้าง? 

นอกจากอาการแล้ว งานวิจัยยังพบว่า ค่าตรวจเลือดบางอย่างผิดปกติอาจเป็นตัวบ่งชี้มะเร็งได้ โดยเฉพาะค่าที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบหรือการเปลี่ยนแปลงของเม็ดเลือด เช่น 

– อัลบูมินต่ำ (โอกาสเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 3.24 เท่า) 

– เกล็ดเลือดสูง (3.48 เท่า) 

– เม็ดเลือดขาวสูง (3.01 เท่า) 

– ค่า C-reactive protein (CRP) สูง (3.13 เท่า) 

แต่ไม่มีค่าตรวจเลือดไหนที่สามารถบอกได้ชัวร์ๆ ว่าคุณไม่มีมะเร็ง เพราะฉะนั้นถ้าผลเลือดปกติ แต่ยังมีอาการที่น่าสงสัย หมออาจยังต้องตรวจเพิ่มเติม 

5. แล้วเราควรทำยังไงต่อ? 

ถ้าแค่ผอมลงเพราะออกกำลังกายหรือกินน้อยลง ก็ไม่ต้องกังวล แต่ถ้าน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย รีบไปหาหมอเถอะ 

– น้ำหนักลด >5% ภายใน 6-12 เดือน โดยไม่มีเหตุผล 

– รู้สึกอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือเบื่ออาหาร 

– ปวดท้อง ไอเรื้อรัง กลืนลำบาก ดีซ่าน อาเจียนเป็นเลือด 

– คลำเจอก้อนที่ผิดปกติ เช่น ที่อุ้งเชิงกราน หรือทวารหนัก 

– ผลตรวจเลือดผิดปกติ เช่น เกล็ดเลือดสูง เม็ดเลือดขาวสูง CRP สูง 

สรุปง่ายๆ คือ ถ้าคุณอายุ 50 ปีขึ้นไป (หรือ 60 ปีขึ้นไปในผู้หญิง) และน้ำหนักลดแบบไม่มีเหตุผล พร้อมอาการแปลกๆ ควรไปพบหมอเพื่อตรวจหามะเร็ง อย่ารอให้สายเกินไป เพราะการเจอเร็ว ช่วยเพิ่มโอกาสรักษาหายได้สูง 

ส่วนคนอายุน้อยกว่านี้ ถ้าไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย โอกาสเป็นมะเร็งยังต่ำอยู่ แต่ถ้ามีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่น้ำหนักลดจะเป็นมะเร็ง อาจมีสาเหตุอื่น เช่น โรคเรื้อรัง การเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หรือความเครียด แนะนำไปหาหมอเพื่อหาสาเหตุเถอะ ดีกว่าเสียใจทีหลัง ใครมีคำถามก็คอมเมนต์ไว้ได้เลยนะ 

ตระหนักได้แต่อย่าตระหนก ใครเข้าข่าย รีบพบแพทย์ด่วนค่ะ อย่าปล่อยให้สายเกินไป