
เช้านี้กินอะไรไปแล้วบ้าง?
อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ แต่ก็ใช่ว่าจะกินอะไรยังไงก็ได้
วันนี้ (26 เม.ย.68) นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกมาเปิด 5 อาหารเช้าที่เสี่ยง “ไขมันพอกตับ” ผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอเจด ระบุว่า…
“5 อาหารเช้าที่เสี่ยงไขมันพอกตับ กินบ่อยๆ ระวังตับพังไม่รู้ตัว
ปัจจุบันชีวิตเราเราเร่งรีบมากนะ เรื่องอาหารเช้าก็ต้องรีบตาม หลายคนเลือกอาหารง่ายๆ สะดวก แต่ไม่รู้เลยว่า บางอย่างที่เรากินทุกวันเสี่ยง “โรคไขมันพอกตับ” โดยไม่รู้ตัว

วันนี้ในฐานะหมอที่เคยไปเป็นไขมันพอกตับมาก่อน อยากมาเล่าให้ฟัง อาหารเช้าบางอย่างที่เรากินกันเป็นประจำ จริงๆ แล้วเสี่ยงไม่รู้ตัว มาดูกันว่า มีอะไรบ้าง?
1. กาแฟส้ม
เคยเขียนไปแล้วนะอันนี้ กาแฟส้มที่หลายคนชอบกิน เพราะเปรี้ยวหวานสดชื่น บวกกับคาเฟอีนที่ช่วยปลุกให้ตื่นได้ทันทีในเช้าเร่งรีบ พวกนี้มักมี “ไซรัป” หรือ “น้ำส้มเข้มข้น” ผสมน้ำตาลในปริมาณสูงมาก
น้ำตาลฟรุกโตส (Fructose) ที่มาจากไซรัปหรือน้ำผลไม้เข้มข้น เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะถูกตับนำไปใช้โดยตรง หากกินเกินความต้องการ ร่างกายจะเปลี่ยนฟรุกโตสส่วนเกินไปเป็น “ไตรกลีเซอไรด์” และสะสมในเซลล์ตับ กลายเป็น “ไขมันพอกตับแบบไม่ดื่มแอลกอฮอล์” หรือ NAFLD (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease)
ถ้ารักกาแฟ ลองเลือกกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลดีกว่า ดีกับตับกว่านะ
2. ข้าวเหนียวหมูปิ้ง อร่อยแต่ไขมันอิ่มตัวสูง
อันนี้ผมก็ชอบเป็นเมนูคู่คนไทยมายาวนาน ข้าวเหนียวหมูปิ้ง คืออาหารเช้าที่หาซื้อง่าย กินง่าย อิ่มท้อง แต่จุดอ่อนอยู่ที่ “หมูปิ้ง” ซึ่งมักผ่านการหมักด้วยน้ำตาล ซีอิ๊ว และไขมันหมูจำนวนมากเพื่อให้นุ่มและหอม
ไขมันจากหมูปิ้ง โดยเฉพาะ “ไขมันอิ่มตัว” (Saturated Fat) เมื่อกินในปริมาณมากเป็นประจำ จะกระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันในตับได้ โดยเฉพาะถ้าร่างกายไม่ได้เผาผลาญออกทัน จะเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และกลายเป็นไขมันพอกตับในระยะยาว
แนะนำแบบนี้นะถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ลองลดปริมาณลง
3. แซนวิชไส้กรอก-ชีส
หลายคนชอบความสะดวกของแซนวิชในร้านสะดวกซื้อ เพราะแค่หยิบ อุ่น และกินได้เลยในเวลาไม่ถึง 5 นาที แต่ถ้าสังเกตส่วนผสมจะพบว่าแซนวิชไส้กรอก ชีส
มักเต็มไปด้วย “ไขมันทรานส์” และ “โซเดียม” สูง
ไขมันทรานส์ (Trans Fat) เป็นที่ไม่ดีกับของตับ เพราะมันไม่เพียงแต่ทำให้ไขมันในเลือดเสียสมดุล (LDL สูง, HDL ต่ำ) แต่ยังทำให้ตับอักเสบ และกระตุ้นการเกิดพังผืดในตับได้ในระยะยาว
ถ้าอยากกินแซนวิช ลองทำเองที่บ้าน ใช้ขนมปังโฮลวีต ซาวเวอร์โดวทาอะโวคาโด บวกไข่ต้ม หรือแฮมไม่ใส่สารกันบูด จะได้สารอาหารครบถ้วนและดีต่อตับมากกว่า
4. ปาท่องโก๋+นมข้นหวาน
ใครจะคิดว่าเมนูเบาๆ อย่าง “ปาท่องโก๋จิ้มนมข้น“ แล้วเป็นเมนูที่ทำร้ายตับแบบเงียบๆ
ปาท่องโก๋ทำจากแป้งขัดขาวล้วน ไม่มีไฟเบอร์ ฝเมื่อทอดในน้ำมันร้อนๆ จะดูดซับไขมัน
เข้าไปจำนวนมาก ยิ่งถ้าใช้น้ำมันทอดซ้ำ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงสารก่อมะเร็ง (Acrylamide) ส่วน “นมข้นหวาน” ก็ไม่ใช่นมแท้ๆ แต่น้ำตาลล้วนๆ ที่ผ่านการเคี่ยวเข้มข้น ใส่ตับเข้าไปลุยเต็มๆ อันนี้เลี่ยงจะดีกว่านะ
5. น้ำเต้าหู้
หลายคนคิดว่า “น้ำเต้าหู้” เป็นของดีเพื่อสุขภาพ ซึ่งก็จริง ถ้ากินแบบไม่ใส่น้ำตาลและไม่เติมของหวานอย่างฟองเต้าหู้ ถั่วแดง หรือแม้แต่ไข่มุก แต่น้ำเต้าหู้ในหลายร้านกลับหวานจัด ใส่น้ำตาลเยอะจนกลายเป็นของหวานไปแล้ว
น้ำตาลฟรุกโตสและกลูโคสจะพุ่งเข้าสู่ตับอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการสะสมไขมันได้ทันที โดยเฉพาะถ้ากินร่วมกับปาท่องโก๋อย่างที่เราชอบกินคู่กัน ลองเปลี่ยนเป็น ดื่มน้ำเต้าหู้แบบไม่หวาน หรือลดหวาน และกินแยกกับของทอด เพื่อไม่ให้ตับต้องจัดการกับไขมัน+น้ำตาลพร้อมกันในเวลาเดียว
ไขมันพอกตับไม่ใช่โรคของคนอ้วนเท่านั้น แต่เป็นผลสะสมจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมในทุกๆ วัน โดยเฉพาะอาหารเช้าที่เราคิดว่า “ไม่เป็นไร กินทุกวันก็ยังโอเค” แต่จริงๆ แล้วร่างกาย โดยเฉพาะ “ตับ” อาจกำลังสะสมความเสี่ยงโดยที่เราไม่รู้ตัว แค่เลือกอาหารเช้าให้เหมาะสม ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว และไขมันทรานส์ เพิ่มโปรตีนดีๆ กับไฟเบอร์อีกหน่อย ตับก็จะมีโอกาสได้พัก ฟื้นตัว และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว”
ใครชอบกินเมนูเหล่านี้ เลี่ยง ลด งด กันบ้างนะคะ ลองปรับๆ กันดูค่ะ ‘อีจัน’ อยากเห็นทุกคนแข็งแรง