อย่าหาทำ! สาววัย 32 ปี เหงื่อแตก-หัวใจหยุดเต้น หลังไป “ดัดคอ” สุดท้ายหลอดเลือดข้างคอฉีกขาด  

เข็ดมั้ยเเบบนี้? อุทาหรณ์สาววัย 32 ปี มีอาการเหงื่อแตก-หัวใจหยุดเต้น-หมดสติ หลังไป “ดัดคอ” สุดท้ายไม่รอดตรวจพบหลอดเลือดข้างคอฉีด 2 ข้าง – ลิ่มเลือดอุดก้านสมอง

แชร์เคสอุทาหรณ์  แค่ดัดคอ = หลอดเลือดข้างคอฉีด 2 ข้าง – ลิ่มเลือดอุดก้านสมอง 

วานนี้ (17 มี.ค.68) เพจเฟซบุ๊ก  Tensia  เพจที่นำเสนอวิทยาศาสตร์การแพทย์ เน้นความเข้าใจเชิงกลไก ไปพร้อมกับตัวการ์ตูนของเพจ ที่เล่าเรื่องราวหลากหลายอารมณ์ ทั้งสาระและบันเทิง ได้ออกมาโพสต์แชร์อุทาหรณ์ พร้อมยกเคสของ หญิงรายหนึ่ง หลังจากดัดคอ ก็มีอาการปวดคอมาก เหงื่อแตกเฉียบพลัน หัวใจหยุดเต้น เมื่อตรวจสมองดู พบว่าหลอดเลือดข้างคอฉีก 2 ข้าง  โดยระบุข้อความว่า… 

“หญิง 32 ปี สุขภาพดี หลังดัดคอ ปวดคอมาก เหงื่อแตกเฉียบพลัน หัวใจหยุดเต้น ตรวจสมองพบหลอดเลือดข้างคอฉีด 2 ข้าง + ลิ่มเลือดอุดก้านสมอง 

“คอ” เป็นโครงสร้างที่เต็มไปด้วยส่วนประกอบที่ที่สำคัญ หนึ่งในนั้นคือระบบหลอดเลือดที่เรียกว่า Vertebral artery ที่ทอดตัวผ่านรูด้านข้างของกระดูกคอ พอถึงฐานกะโหลก จะลู่เข้าหากัน แล้วรวมกันเป็นหลอดเลือด basilar artery ที่เลี้ยงก้านสมอง และ สมองด้านบนโซนหลัง  ดังนั้น คอเรามีหลอดเลือดที่อยู่กับกระดูกคอเลย แม้โครงสร้างค้ำจุนจะค่อนข้างดีมาก แต่ถ้าเหตุเหมาะเจาะ องศาได้ หรืออาจมีโรคประจำตัวที่ไม่ทราบ มันอาจได้รับอันตรายได้  

โดยหญิงคนดังกล่าว ไม่มีประวัติโรคประจำตัวใดๆ ปวดเมื่อยคอ จึงไปรับการดัดคอ (ข้อมูลไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าทำสถานที่แบบใด) หลังจากทำแล้วก็มีอาการเจ็บคอขึ้นมาทันที และเริ่มมีอาการเหงื่อแตก จนหมดสติไป หัวใจเต้นหยุดเต้น + หยุดหายใจ CPR ยื้อประมาณ 3 นาที จนกระทั่งรถ EMS นำส่ง รพ. 

ตอนมาถึง รพ. ทำการ CPR ขึ้นแล้ว ความดันเฉลี่ยประมาณ 80 mmHg จึงรีบส่งสแกนหลอดเลือดสมองฉุกเฉินพบว่า หลอดเลือด vertebral artery ที่แนบกระดูกสันหลังคอ 2 ข้าง มีผนังฉีกด้านใน โดยข้างขวาคือหนักมากที่สุด จุดสารทืบแสงไม่ผ่านเลย (ดูในภาพนะคะ)  

พอผนังหลอดเลือดมันฉีกขาด เกล็ดเลือดจะคิดว่าเป็นแผล จึงวิ่งมาสร้างลิ่มเลือดพยายามอุด แต่ลิ่มเลือดนั้นมันเกาะไม่ไหว เลือดมันไหลแรง หลุดขึ้นไปในสมอง แล้วไปอุดหลอดเลือดหัวใจสำคัญของก้านสมองชื่อ Basilar artery และยังเลี้ยวไปอุดแขนงที่ชื่อว่า PICA ข้างซ้าย ที่เลี้ยงสมองส่วน cerebellum อีก  คือเรียกได้ว่าทั้งฉีกอุด และ แจกลิ่มเลือดไปทั่วเลยค่ะ จึงไม่แปลกที่ผู้ป่วยจะไปไวมาก เพราะก้านสมองส่วน medulla  oblongata ที่เป็นศูนย์การหายใจและหัวใจขาดเลือดไปชั่วขณะ (ยังมีฝั่งซ้ายมาช่วยได้บ้าง) หัวใจจึงหยุดเต้นไวมาก ด้านผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนทั้งยาและเข้าสวนหลอดเลือดเพื่อพยายามซ่อมและเอาลิ่มเลือดออก แต่สุดท้ายแขนงเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนหลังก็ไม่กลับมา (No reperfusion of left PCA) น่าจะช้าไปแล้ว  หลังออกจากห้องผ่าตัด  1 วัน จุดที่ขาดเลือดไปแล้วเริ่มมีการบวมของสมอง ลามไปอย่างรวดเร็วจากเซลล์บวม หลอดเลือดพังแล้วเริ่มมีเลือดออกซ้ำ (Hemorrhagic  transformation) เริ่มมีสมองปลิ้นตามจุดสำคัญ โดยเฉพาะก้านสมองส่วนล่าง (Tonsilar herniation) 

Case report รายงานจบแค่นี้ ไม่แน่ใจว่าผู้ป่วยรอดชีวิตหรือไม่ แต่สิ่งต้องระวังเป็นพิเศษเลยคือการทำหัตถการใดๆ กับคอ โดยเฉพาะการบิดด้วยอัตราเร็วมากๆ ไม่ว่าจะทำเอง หรือให้ใครทำก็ตาม บางทีอาจไม่ถึงขั้นหลอดเลือดฉีกขาด แต่กล้ามเนื้อ-เอ็นอักเสบฉีกขาด ก็ทำให้รักษาหลายเดือนได้ค่ะ” 

จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ถือเป็นอีก 1 เคสอุทาหรณ์สำหรับใครหลายๆคน และอยากให้ทุกคนระมัดระวังเกี่ยวกับร่างกายตัวเองให้มากๆนะคะ เพราะบางทีการทำส่วนต่างๆของร่างกายก็อาจจะทำให้เราเป็นโรคต่างๆได้อีกมากค่ะ