
ไม่ควรทำ……
เหตุนักท่องเที่ยวลงจากรถ เพื่อถ่ายรูปเสือดำ ขณะเดินลงมาบริเวณ กม.20 เส้นทางขึ้นเขาพะเนินทุ่ง เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา จนเกิดเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสมในพฤติกรรมดังกล่าว และร้องเรียนให้อุทยานฯ แก่งกระจานปรับโทษ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นพฤติกรรมเยี่ยงอย่าง
โดยพฤติกรรมที่ปรากฏตามคลิปที่มีการแชร์ต่อ พบว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นแขก 4 คน ลงจากรถ แล้วเดินมาไล่บี้กดดันเสือดำบนถนน เพื่อหวังจะได้ภาพ ผลคือ เสือดำเดินหนีคนกลุ่มนี้และหนีเข้าป่าไป…



จากกรณีดังกล่าว ล่าวสุด 21 มี.ค. 68 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ตรวจพบหลักฐานการกระทำผิดใหม่ จากการมีผู้ร้องเรียนผ่านเพจอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่งภาพและคลิปในมุมของรถคันอื่น ปรากฏภาพของผู้ประกอบการนำเที่ยว (ไกด์) รายนี้ เป็นคนชักชวนและพานักถ่ายภาพที่มากับรถนำเที่ยวของตนลงจากรถเพื่อให้ถ่ายภาพเสือดำในมุมที่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไปชักชวนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในรถคันอื่นให้ลงจากรถมาถ่ายภาพเสือดำด้วย และการสอบสวนยังพบว่า ในครั้งแรกผู้ประกอบการรายนี้มีการให้คำชี้แจงไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นต้นเหตุให้มีภาพการท่องเที่ยวป่าที่ไม่เหมาะสม จนอาจเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า ตามที่ปรากฏในสื่อโซเชียล
โดยก่อนหน้านี้ นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้สั่งการให้นายนาวิน จุลกะรัตน์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ดำเนินการเรียกไกด์นำเที่ยว กรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กของไกด์รายนี้ เป็นภาพขณะกลุ่มช่างภาพ 4 คน เดินเรียงแถวหน้ากระดาน ตามถ่ายภาพเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครอง บริเวณถนนทางลงจากเขาพะเนินทุ่ง มุ่งหน้าบ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ เนื่องจากถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอุทยานฯ ที่เข้มงวดด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า โดยไกด์นำเที่ยว ได้ให้การอ้างว่า ไร้เจตนา ทำให้มีการว่ากล่าวตักเตือนไป
แต่หลักฐานปรากฏชัดเจน ขัดกับที่เจ้าตัวให้การในตอนแรก ทำให้เมื่อพิจารณาแล้ว จึงมีความเห็นให้สั่งปรับ
ลำดับเหตุการณ์
17 มีนาคม 2568 เวลา ประมาณ 13:00 น.
มีการเผยแพร่ในเฟซบุ๊กของผู้ประกอบการนำเที่ยวรายนี้ว่า ได้พานักท่องเที่ยวขึ้นเขาพะเนินทุ่ง จนมาถึงที่ กม.20 กลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นช่างภาพ 4 คน เดินเรียงแถวหน้ากระดาน ตามถ่ายภาพเสือดำ ซึ่งเป็นการละเมิดกฎความปลอดภัยของอุทยานฯ
18 มีนาคม 2568 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้มอบหมายให้นายนาวิน จุลกะรัตน์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ เรียกตัวผู้ประกอบการรถนำเที่ยวรายดังกล่าวมาสอบถามให้ข้อเท็จจริง ปรากฎให้การรับสารภาพว่า ขณะนักท่องเที่ยวชะลอรถดูเสือดำ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มากับรถของตนเองกระโดดลงรถไป เจ้าของรถห้ามไม่ทัน ซึ่งในครั้งแรกพิจารณาว่า ขาดเจตนาในการกระทำความผิด ให้เป็นโทษว่ากล่าวตักเตือน
21 มีนาคม 2568 ปรากฎข้อเท็จจริงใหม่ หลังมีผู้ร้องเรียนผ่านเพจอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่งภาพและคลิปในมุมของรถคันอื่น ปรากฎภาพของผู้ประกอบการนำเที่ยวรายนี้ เป็นคนชักชวนและพานักถ่ายภาพที่มากับรถนำเที่ยวของตนลงจากรถเพื่อให้ถ่ายภาพเสือดำในมุมที่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไปชักชวนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในรถคันอื่นให้ลงจากรถมาถ่ายภาพเสือดำด้วย และการสอบสวนยังพบว่า ในครั้งแรกผู้ประกอบการรายนี้ มีการให้คำชี้แจงไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นต้นเหตุให้มีภาพการท่องเที่ยวป่าที่ไม่เหมาะสม จนอาจเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า ตามที่ปรากฏในสื่อ
ดังนั้น จึงมีความเห็นให้สั่งปรับพินัยในความผิดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ (มาตรา 20) เป็นจำนวน 5,000 บาท และไม่อำนวยความสะดวกต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสอบสวน (36(1)) อีกหนึ่งข้อหา ปรับพินัยเพิ่มเติม เป็นจำนวน 1,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,000 บาท
ทั้งนี้ การกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว มีอัตราโทษปรับครั้งแรก 5,000 บาท ครั้งที่ 2 มีโทษปรับ 20,000 บาท และครั้งที่ 3 มีโทษปรับเต็มอัตรา 100,000 บาท พร้อมสั่งยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการรถนำเที่ยวในอุทยาน ต่อไปด้วย
นายมงคล ยังย้ำอีกว่า กรณีนี้ถือเป็นบทเรียน และ ให้เป็นเคสตัวอย่าง ยืนยันว่าทางอุทยานฯ จับปรับจริง! ดังนั้นการถ่ายภาพสัตว์ป่าในเส้นทาง ห้ามนักท่องเที่ยวลงจากรถ และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่พบเห็นสัตว์ป่า ให้รักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ไม่ส่งเสียงดังรบกวน ไม่ควรใช้แฟลช เพื่อความปลอดภัยของทั้งนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้พบเห็นสัตว์ป่าหายากเช่นนี้ในอนาคต.








กฎ กติกา การดูสัตว์เป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ