“ชัยวัฒน์” ซัดแรง ทวงคืนความยุติธรรมเพื่อผู้พิทักษ์ หลังร้องเรียนถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีจับกุมผู้บุกรุกป่าคลองพระยา

27 พ.ย. 67 ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ออกมาทวงถามความยุติธรรม กรณี จนท.ผู้พิทักษ์ป่าคลองพระยา ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีหัวหน้าเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า ถูกจับกุม หลังพบหลักฐานโยง เอื้อประโยชน์ให้ผู้บุกรุกป่าคลองพระยา

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า และพนักงานราชการตำแหน่งคนงาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองพระยา สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) 4 นาย แจ้งร้องเรียนไปที่ หน่วยพญาเสือ และ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ

โดยเรื่องร้องเรียน แจ้งถึงการไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช มีคำสั่งเแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าคลองพระยาทั้ง 4 นาย  ว่าปล่อยปะละเลยหน้าที่ ไม่จับกุมผู้กระทำความผิด

ทั้ง ๆ ที่ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั้ง 4 นาย เป็นผู้แจ้งเหตุ และส่งหลักฐานให้มีการตรวจสอบ กรณี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองพระยา เอื้อประโยชน์ให้นายทุน จนมีการจับกุมเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567

//คำสั่งที่ไม่ชอบธรรม//

นายชัยวัฒน์ เล่าว่าความไม่ชอบธรรมต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั้ง 4 นาย

ตอนนี้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามีความเดือดร้อน เนื่องจากการกล่าวหา ของคณะกรรมการของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งมีการลงนามโดยอธิบดีกรมอุทยานฯ

เชื่อมโยงกับคดี ขสป.คลองพระยา ซึ่งเหตุการณ์เกิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม  ปี 2566 มีการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จากหัวหน้ารักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุคลากรที่นั่นเป็นเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า เขาอยู่กันมาหลายสิบปี ดูแลรักษาพื้นที่ตรงนั้นเป็นอย่างดี

ต่อมาในช่วงปี 66 – 67 เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ากลุ่มนี้ ตรวจสอบพบการบุกรุกพื้นที่ป่า แต่ได้รับการประสานจากหัวหน้า ขสป.คลองพระยาว่า “เดี๋ยวจะดำเนินการเอง” แต่สุดท้ายผู้กระทำความผิดก็ถูกปล่อยไป

แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ได้ถ่ายคลิปวีดีโอไว้ และส่งหลักฐานมาร้องเรียนที่หน่วยพญาเสือ และ นายชัยวัฒน์ จึงมีการทำหนังสือแจ้งถึง อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ทราบเรื่อง

ซึ่งอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้มีการลงนามคำสั่งให้ นายชัยวัฒน์ หน่วยพญาเสือ และทีมในพื้นที่ ร่วมกันตรวจสอบอย่างเคร่งครัด

ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ความร่วมมือ จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้

โดยหลักฐานชี้ชัดแล้วว่าหัวหน้าที่ถูกร้องเรียนคนดังกล่าว มีความเชื่อมโยงการทุจริตจริง

แต่ภายหลัง เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ ทั้ง 4 นาย ที่เป็นผู้ร้องเรียนจนเกิดการจับกุม กลับโดนแจ้งข้อหา และถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงไปด้วย

นายชัยวัฒน์ย้ำว่า

“ท่านต้องคิดดี ๆ ว่า เรื่องนี้ท่านให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไร?”

หากผู้ปกป้องผืนป่า ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วต่อไปใครจะกล้าช่วยดูแลผืนป่า

“วันนี้เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน ถูกตั้งกรรมการสอบ แล้วมีคำสั่งยุติไม่พิจารณาเงินเดือนให้พวกเขา ความเดือดร้อนของเขาจะมีมากขนาดไหน? เงินเดือนเพียงเล็กน้อยที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว หรือเงินเดือนที่ควรจะขึ้นก็ถูกระงับ เนื่องจากมีเรื่องตรวจสอบ มีการกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรงจากหนังสือของกรมอุทยานฯ พวกเขามีโอกาสแค่ไหนที่จะได้อธิบายชี้แจง  ขอฝากถึงท่านอธิบดี 14 วัน ท่านช่วยตอบหนังสือร้องเรียนของผม”

เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร?

นายชัยวัฒน์ จะทวงคืนความชอบธรรมให้ผู้พิทักษ์ได้หรือไม่?

ซึ่ง นายชัยวัฒน์ทิ้งข้อความไว้ว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนถึงความไม่ชอบธรรม ต่อผู้พิทักษ์ป่า ที่ไร้เสียง ไร้สิทธิ์ ในการสู้เพื่อตัวเอง