
จากกรณี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผนึกกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในขบวนการค้าสัตว์ป่า ภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณพื้นที่หมู่ 5 บ้านแม่คะเมย ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลังสืบทราบว่า มีพรานป่าเข้าไปลอบยิงกระทิง เก้ง กวาง และ อีเห็น ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และใช้อาวุธสงคราม จำพวกปืน รวมถึงเปิดปาร์ตี้นำสัตว์ป่ามาประกอบอาหา จากการตามสืบร่วม 2 เดือน สามารถจับกุมพรานป่า 2 คน พร้อมอาวุธของกลาง ปืนเอ็ม 16 และ ปืนชนิดอื่น ๆ อีกหลายกระบอก บ่วง แร้ว ดักสัตว์ใหญ่ ลวดสลิง รวมถึง ซากกระทิง อีเห็น ไก่ จำนวนมาก โดยผู้ต้องหาซัดทอดไปถึงทนายความคนหนึ่งในภาคใต้ และเจ้าหน้าที่การประปานครหลวง ว่าเป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของ



ขบวนการนี้เชื่อว่า มีการลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่า ทั้งกระทิง หมูป่า เหยี่ยว อีเห็น และ ไก่ป่า มานาน มีการนำไปขาย จัดปาร์ตี้สัตว์ป่ากันในที่พัก และมีข้อมูลจากสายข่าวว่า มี นายตำรวจยศระดับ พ.ต.ท. ซึ่งไม่ใช่ตำรวจท้องที่ ขับรถตราโล่ มาร่วมปาร์ตี้ด้วย ทำให้ไม่มีใครกล้าแจ้งเบาะแส และยังพบว่า มีพนักงานจ้างเหมาบริการ หรือลูกจ้างทีโออาร์ กรมอุทยานฯ ประจำหน่วยแม่คะเมย ซึ่งขึ้นกับ สบอ.3 สาขาเพชรบุรี จำนวน 1 คน ทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ ส่งข่าว ชี้เป้า ให้ขบวนการนี้ลักลอบล่าสัตว์ป่า และ คอยส่งข่าวเพื่อให้กลุ่มคนในขบวนการนี้หลบหลีกการจับกุม เมื่อชุดเฉพาะกิจอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะเข้าตรวจสอบ จึงไหวตัวได้เสมอ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รายนี้แล้ว …
โดยทนายความ ชาว จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ให้มาอาศัยในเขตกระทำผิดดังกล่าว ได้ติดต่อขอเข้ามาให้รายละเอียดกับทางตำรวจและให้การว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้ แต่รู้จักกับเจ้าหน้าที่การประปานครหลวง ที่มาร่วมอาศัยในพื้นที่ ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลและดำเนินการขยายผลต่อไป
ขณะที่ พนักงานจ้างเหมาบริการ หรือลูกจ้างทีโออาร์ กรมอุทยานฯ ซึ่งขึ้นกับ สบอ.3 สาขาเพชรบุรี 1 คน ที่เป็นหนอนบ่อนไส้ ได้ถูกให้ออกจากงานเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้ง กปน. ได้สั่งพ้นสภาพการเป็นตัวแทนของผู้ร่วมขบวนการล่าสัตว์ ที่เป็นตัวแทนของกปน. ส่วน พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบ.ตร. สั่งการให้ บก.ปทส. และ บก.ปทส. ภาค 7 เร่งขยายผลดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ล่าสุด 7 เมษายน 2568 ได้รับการรายงาน จากการสอบสวน นายพรานทั้ง 2 คนนั้น ทั้ง 2 ยังคงไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการขยายผล อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบปืนสงคราม เอ็ม 16 เอ 1 ตีทะเบียน และเครื่องกระสุน ที่ยึดได้ ทำให้สามารถทราบว่าปืนหลุดออกมาจากค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งปืนกระบอกนี้จำหน่ายออกมาใช้ในการฝึกยิงปืน ส่วนกระสุนปืนชนิดอื่นๆ ก็มีเลขล็อตการผลิต ทำให้ทราบว่ามีการนำออกมาจากที่ไหน เนื่องจากบุคคลปกติทั่วไปไม่สามารถซื้อได้มากมายแบบนี้






กระทั่งจากการสอบพยาน รวมทั้งตรวจสอบในทางลับ ทำให้ทราบว่า นอกจาก “นายเน็ก” ที่เป็นตัวแทนการประปานครหลวง ที่ถูกยกเลิกการเป็นตัวแทนไปแล้วนั้น ยังพบว่าขบวนการนี้มีผู้ร่วมขบวนการเป็น 10 คน โดยมี อดีตจ่าทหาร และ อดีตครูฝึกยิงปืน ที่เป็นเจ้าของบ้านที่ลักลอบปลูกในพื้นที่อุทยานฯ เป็นคนจัดหาอาวุธปืนเอ็ม 16 เอ 1 และคาดว่ามีปืนสงครามอีกส่วนหนึ่งที่ยังค้นหาไม่พบ และ มี ดาบตำรวจ สังกัด ตชด. ทางภาคใต้ คอยจัดหากระสุนปืน โดยมีพนักงานจ้างเหมาบริการ หรือลูกจ้างทีโออาร์ กรมอุทยานฯ ซึ่งขึ้นกับ สบอ.3 สาขาเพชรบุรี ที่ถูกไล่ออกแล้ว คอยรายงานข่าว และ ชี้เป้ายิงสัตว์ และยังมีอดีตพนักงานราชการ ตำแหน่งพิทักษ์ป่า 2 นาย ที่ลาออก หลังถูกชาวบ้านล้อมจับขณะล่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเมื่อปี 2566 เกี่ยวพันด้วย และยังมี หญิงสาวเจ้าของที่พักใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งน่าจะมีส่วนรู้เห็น ทำหน้าที่ขายซากและเนื้อสัตว์ป่าตามใบสั่ง รวมทั้งตำรวจยศ พ.ต.ท. นายหนึ่ง ที่มาร่วมสังสรรค์ปาร์ตี้กินเนื้อสัตว์ป่า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขยายผลเครือข่ายนี้ตามขั้นตอนกฎหมาย
ซึ่งพบว่า ขบวนการนี้มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงถึงกัน โดยเชื่อว่า อดีตจ่าทหาร มีความเกี่ยวข้องในการจัดหาปืนลูกซอง และ เครื่องกระสุน มาเสิร์ฟให้ เชื่อได้ว่าขบวนการนี้เป็นขบวนการใหญ่ และ เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต้องสาวไส้ กวาดล้างให้ถึงที่สุด




