ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ สำหรับ เอ จักรพรรดิ หรือที่เรียกกันว่า อาจารย์เอ จักรพรรดิ ซึ่งก็ได้เข้ามาพลิกวิกฤติให้กับ คณะหมอลำ เสียงอีสาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ คณะเสียงอีสานได้ประสบวิกฤตอย่างหนัก เริ่มมาตั้งแต่ช่วงโควิด จนมาเจอปัญหาไฟไหม้บ้าน แผดเผาอุปกรณ์การแสดงไปเกือบหมด ทำให้แม่นกน้อยท้ออย่างหนัก ถึงขั้นประกาศยุบวง แต่ก็มีคุณ เอ จักรพรรดิ ที่เข้ามาโอบอุ้มวง โดยเข้ามาในฐานะหุ้นส่วนวงเสียงอีสานร่วมกับ แม่นกน้อย อุไรพร
แต่เมื่อวานนี้ 7 ก.พ. เอ จักรพรรดิ ก็ได้ออกมาแถลงยุติบทบาทผู้บริหารคณะหมอลำเสียงอิสาน ผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอลำเสียงอิสาน ผู้บริหารหมอลำคณะเสียงอิสาน โดยกล่าวว่า
“สวัสดีครับผม เอ จักรพรรดิ นะครับ จริงๆแล้วการแถลงข่าวครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นในช่วงประมาณปีใหม่ แต่ว่าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น นั่นคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคณะหมอลำ คือการจากไปของ คุณแม่จักจั่น ดาวไพร ทำให้ต้องเลื่อนเวลาออกมา รวมถึงตัวผมเองกับคุณแม่นกน้อย เวลาที่ตรงกันน้อยมากๆ เวลาเลยยืดเยื้อมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์”
“ขออนุญาตแจ้งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมขออนุญาตยุติบทบาทการเป็นผู้บริหารคณะหมอลำเสียงอิสาน โดยในการยุติในครั้งนี้ขอมอบทุกอย่างให้เป็นทรัพย์สินของคุณแม่นกน้อย อุไรพร และคนในวงหมอลำเสียงอิสาน นั่นหมายความว่าทุกอย่างที่ผมลงทุนไป แต่ขนนกทุกเส้นชุดทุกชุด ระบบแสงสีเสียง รวมถึงอะไรต่างๆ ทุกอย่างให้แก่คุณแม่นกน้อย อุไรพร เพื่อให้สามารถต่อยอดได้ในอนาคต”
“รายได้ที่เกิดขึ้นจากผู้สนับสนุน ส่วนที่ผ่านมาเราได้ใช้ในการบริหารจัดการในวงแล้ว แต่ส่วนที่เหลือนั้นเป็นเงินสด จะเป็นรายได้ที่คุณแม่นกน้อย อุไรพร จะได้รับเพียงคนเดียว โดยไม่ต้องมีส่วนแบ่งให้กับผมเลย”
“อีกทั้งในส่วนที่คุณแม่นกน้อยอุไรพรได้มีการกู้ยืมเงินจากบริษัท และตัวผม เพราะฉะนั้นผมขอยกหนี้ให้ทั้งหมด แม่นกน้อยไม่ต้องเป็นหนี้ผมไม่มีหนี้ต่อกัน ที่ผมยกหนี้ให้ทั้งหมดเพราะมันเป็นการแสดงความรักที่ผมมีต่อเสียงอิสานจริงๆ”
“หลายคนอาจจะกังวลใจว่าต่อไปนี้จะไปยังไงต่อ ผมอยากให้ทุกคนมั่นใจได้ เพราะว่างานที่เรารับที่เป็นงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่รับไว้ในเรท 350,000 บาทถึง 370,000 บาท เป็นงานที่เกิดกำไรให้กับ คุณแม่นกน้อย ทั้งหมด”
“สำหรับศิลปินฟินิกซ์ เสียงอีสานซีซั่นหนึ่ง ที่มีการประกวดไป ทุกคนยังต้องทำการแสดงหน้าเวทีต่อไป เพราะตามสัญญาแล้วคือ 5 ปี แต่คนที่ดูแลสัญญาคือคุณแม่นกน้อย อุไรพร เพียงคนเดียว
“แต่สำหรับศิลปินในบัลลังก์อีสาน เด็กเหล่านี้ไม่ได้มีความต้องการที่จะเป็นหมอลำ เด็กเหล่านี้ต้องการเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ และหลายคนอยากจะเป็นศิลปินเดี่ยว ทุกคนมีความฝันที่แตกต่างกันออกไป ตัวผมเป็นเพียงผู้อยู่เบื้องหลังที่ซัพพอร์ตเฉย ๆ หากวันไหนที่คณะหมอลำเสียงอิสานต้องการอยากให้ไปแจม ก็สามารถทำได้เหมือนเดิม”
สุดท้ายนี้ เอ จักพรรดิ ก็ได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ได้เข้ามาให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ก็ขอส่งกำลังใจให้กับคุณ เอ และทาง คณะเสียงอิสาน ได้เดินหน้าต่อไปด้วยนะคะ