แพร ชนันท์ภัสส์ อดีตดาราดัง กับบทบาทใหม่ ที่หลายคนเห็นแล้ว ต้องอึ้ง

จากดารา สู่ ร่างทรง แพร ชนันท์ภัสส์ เปิดใจ เล่าถึงที่มา ผันตัวเป็นร่างทรง ปู่ฤาษีตาไฟ

ทำเอาหลายคนถึงอึ้งและคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียวนะคะ สำหรับ แพร ชนันท์ภัสส์ อดีตนักแสดงสาว ที่หลายๆคนรู้จักเธอจาก บทบาทคุณยายวรนาฎวัยเด็ก จากละครทายาทอสูร บทอองซาน จากละครเรื่องอังกอร์2 และอีกหลายๆ เรื่อง โดยเธอนั้นก็ได้หายหน้าหายตาจากหน้าจอไปนานหลายปีเลยค่ะ

Cr.Prae Charnunphat 

และล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เผยบทบาทใหม่ ที่ได้รับความสนใจอีกครั้ง กับการผันตัวเองมาเป็นร่างทรงพ่อปู่ฤๅษีตาไฟ โดยสาวแพรก็ได้เผยเรื่องราวของตนเองผ่านติ๊กต๊อกส่วนตัว พร้อมได้เล่าที่มาของการเป็นร่างทรงผ่านทางรายการ คุยกับจัน ทั้งเรื่องของการโดนทำของใส่ จนได้รู้จักกับปู่ฤาษีตาไฟค่ะ

Cr.Prae Charnunphat 

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในวงการบันเทิง ทำอะไรมาบ้าง?
“อยู่ในวงการบันเทิง ส่วนใหญ่จะเป็นงานแสดงละคร มาตั้งแต่เด็กเลย เริ่มตั้งแต่ประมาณ 7 ขวบ แล้วก็เล่นมาเรื่อยๆจนถึงอายุ 25 ปี พอโตแล้วก็เริ่มเฟดออกมา ละครเรื่องแรกที่ทำให้คนรู้จัก คือเรื่องทายาทอสูร เป็นคุณยายวรนาฎตอนเด็ก ถัดมาอีกก็จะเป็น อังกอร์2 แล้วก็จะเป็นเรื่อง ผ่าโลกบันเทิง แล้วก็ก่อนที่จะออกจากวงการบันเทิง ที่คนรู้จักอีกเรื่องก็น่าจะเป็นเรื่อง วัยมันพันธุ์อสูรค่ะ
จริงๆแล้วชอบนะ เมื่อก่อนแสดงตั้งแต่ 7 ขวบ แล้วทุกปีเราถ่ายละคร เราอยู่กับในวงการตลอด ก็รู้สึกแฮปปี้ ชอบ รู้สึกเป็นงานที่เรารัก มีความสุขดี”

เข้าวงการได้ยังไง จุดเรื่มต้นการเข้าวงการ?
“ถ้าจำไม่ผิดทางครอบครัวเป็นคนพลักดันค่ะ เริ่มจากการประกวดต่างๆ แล้วเราก็ได้รางวัลชนะเลิศบ้าง รางวัลขวัญใจบ้าง มาเรื่อยๆ แล้วก็มีแมวมองเขามาทาบทาม ก็เลยมีโอกาสได้มาเล่น”

แล้วทำไมถึงออกจากวงการบันเทิง?
“โตขึ้นด้วยแหละ ทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไป แล้วก็มีเด็กรุ่นใหม่ๆเข้า แล้วก็รู้สึกว่า อยากจะโฟกัสไปทำอาชีพอย่างอื่นๆ ตอนออกมาแล้วรู้สึกว่า จะทำตลาดอยู่แถวลาดกระบัง แล้วก็มาเจอช่วงโควิด ก็เลยปิดไป แล้วก็มาทำธุรกิจเกี่ยวกับ ขายโมเดล งานฟิกเกอร์ งานเรซิ่นนำเข้า มันจุดอิ่มตัวของแพรด้วยค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าเราอาจจะไม่ค่อยเหมือนนักแสดง เพราะว่าไม่ชอบออกงาน ไม่ค่อยไปไหน ไม่ค่อยพรีเซนต์ตัวเองสักเท่าไหร่ ก็เลยรู้สึกว่าพอจุดหนึ่งมันอิ่มตัวละ ก็คงจะไม่ได้ไปไกลกว่านั้น ก็เลยลองทำอย่างอื่นบ้าง”

พอมาทำอย่างอื่นกระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง?
“ดีค่ะ เปิดตลาดดีมากเลย แล้วตอนนั้นก็ทำตู้คีบตุ๊กตาถือว่าเป็นเจ้าแรกด้วยที่ทำ ปกติเราจะเห็นตู้คีบตุ๊กตากันที่ห้าง ตอนนั้นเลยเลือกมาทำที่ตลาด ก็ถือว่าบูมดี ถ้าไม่เจอโควิด”

Cr.Prae Charnunphat 

เคยโดนของ จึงทำให้เชื่อเรื่องไสยศาสตร์?
“เคยมีช่วงหนึ่งในชีวิต ที่ผ่านประสบการณ์ในการโดนของ เมื่อก่อนก็ไม่เชื่อ เพราะรู้สึกว่ายุคสมัยนี้ยังมีอีกหรออไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่พอเหมือนทุกๆอย่างพิสุจน์แล้ว ก็เลยยอมรับ พอยอมรับ ก็ใช้เวลาพอสมควรเหมือนกันกว่าจะยอมรับตัวเองได้ แล้วก็หาวิธีแก้ว่าเราจะไปทางไหนดีค่ะ”

ความรู้สึกหลังจากการโดนของ?
“ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกเหมือนเขาจะเรียกว่า เป็นหุ่นผูก เหมือนว่าเราอินกับคนหนึ่งมาก จนแบบว่าเราเสียศูนย์ไปแบบเยอะมากๆ อินแบบอินจัดเลยอะไรแบบนี้ แล้วก็ไม่พูดไม่จากับใคร แล้วก็ชอบไปนั่งอยู่ใต้โต๊ะ ไปนั่งกอดเข่า ที่บ้านเขาก็รู้สึกว่ามันแปลกไปนะ ไม่เหมือนคนปกติ พูดก็ไม่สบตา สายตาก็ไม่เหมือนเดิม ไปหาพระมาเยอะมากค่ะ รวมถึงเข้าสู่ธรรมมะ สวดมนต์นั่งสมาธิ แต่มันก็เหมือนไม่ได้ดีขึ้นเลยค่ะ”

Cr.Prae Charnunphat 

เคยได้ไปปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญบ้างมั้ย?
“จริงๆการทำงานด้านนี้ จะมีคุยกับคุณหมออยู่ตลอด เพราะว่าเหมือนเรารับความทุกข์จากหลายๆคนมันเป็นเรื่องปกติ ที่บ้างทีเราต้องมีไปคุยไปเคลียร์ มันเป็นทุกคนที่เกิดขึ้นได้ แต่ว่าก็เคยพิสูจน์แล้วว่าเราไม่ได้บ้า เพราะตอนนั้นก็เป็นปีเหมือนกัน กว่าจะยอมรับตัวเองได้จนมาถึงจุดนี้ว่าแบบ เราต้องมาทางนี้จริงๆ ที่บ้านพาไปแก้ ก็คือไปหาพระอาจารย์ เป็นพระที่อยู่ที่วัดหนึ่งที่นับถือมากๆ จริงๆแล้วที่ไป ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปบอกว่าเกิดอะไรกับเราขึ้นบ้าง แต่บังเอิญว่าสิ่งที่ท่านทักทุกอย่าง คือตรงหมดเลย โดยที่เราไม่ได้พูดสักคำ ก็เลยเชื่อเลยศรัทธา”

Cr.Prae Charnunphat 

“ณ ตอนนั้น รู้สึกว่าช่วงวัยรุ่นเราจะเจอเพื่อนหลายๆคน จะเป็นช่วงอยากรู้อยากลองของ อยากไปบ้านผีสิงอะไรแบบนี้ แล้วเราเป็นคนเห็น เพื่อนก็เหมือนแบบอยากจะพาเราไป แบบไปดูให้หน่อย อยากเจอ พอเราไปเราไม่รู้ว่าเราไปในสถานที่แบบนั้น เค้าตามกลับมาได้ บวกกับที่ว่าตอนนั้น เพื่อนที่เราคบด้วย เหมือนเขาไปเรียนวิชาอะไรพวกนี้มาด้วย ซึ่งอยู่ในวัยคะนอง แล้วเขาก็มาลองวิชากับเรา พยายามจะชักจูงเราให้เราไปหาอาจารย์เขา แต่เราก็ไม่ไป มารู้อีกทีก็คือเวลาเราขับรถทุกครั้ง จะเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ข้างหลังตลอดเวลาจะนั่งก้มหน้า เราก็ระแวงอยู่เป็นเดือนเลย จนกระทั่งยอมบอกคุณแม่ คุณแม่ก็เลยพาไปหาพระอาจารย์ พระอาจารย์ท่านก็ถึงได้บอกว่า นั่งมานานแล้วหนิ
พระอาจารย์ก็อธิบายมาแล้วคือเหมือนอย่างเดียวกันกับที่เราห็นมาโดยตลอด เราก็เลยแบบ เออ เราไม่ได้บ้าละ”

ไม่จำเป็นที่จะต้องโดนคุณไสยผ่านการกิน?
“ไม่จำเป็นค่ะ เพราะการทำของมีหลายรูปแบบ บางคนก็จะเป็นการเอาเศษผม เอาเล็บ เอารูปไปทำ แต่หลักๆที่สำคัญจริงๆ คือต้องมีชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิดที่ชัดเจน อันนี้สำคัญ”

รู้ตัวว่าเป็นร่างทรงตั้งแต่เมื่อไหร่?
“จุดแรกเลยก็คือ อยู่ดีๆรู้สึก อยากรู้จักอักขระขอม ก็เลยไปเรียนอักขระขอม ถึงได้บรมครูมาก็คือ ปู่ฤาษีตาไฟ ก็เลยรู้ว่ามีองค์ ตอนนั้นก็ใช้เวลานานมากกว่าจะยอมรับค่ะ”

เคยหนี แต่สุดท้ายก็ไม่พ้น?
“หนีมาเป็นปีสองปีเลยค่ะ แล้วก็นั่งร้องไห้หน้าหิ่งว่าทำไมต้องเป็นหนู ตัวเล็กแค่นี้จะไปช่วยอะไรใครได้ แล้วหน้าอย่างนี้ใครจะเชื่อว่าเราจะมาสายนี้ได้ แล้วตอนที่เรียนวิชาอักขระขอม ก็คือจะรู้สึกเหมือนมีผู้ชายยืนอยู่ข้างหลัง เลยไปเล่าให้ครูอาจารย์ฟัง เขาก็บอกว่า ลองถามไปสิว่าเป็นใคร ชื่ออะไร พอวันที่ถาม ก็มีเสียงเข้ามาบอกชื่อเลยค่ะ ว่าปู่ฤาษีตาไฟ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ เอาไปให้อาจารย์ท่านทดสอบว่าแบบหนูใช่จริงๆอ๋อ”

วิธีการในการรับท่านเข้ามา เป็นยังไงคะ?
“อันนี้ส่วนตัวแล้วรับขันธ์ ก็คือยกให้เป็นครูเลย เพราะนอกจากวิชาอักขระขอมก็จะเรียนในเรื่องโหราศาสตร์ ลายมือ ฮวงจุ้ย ตั้งชื่อตัวเลขแล้วก็สรรพสัตว์ทุกอย่างแบบเรียนเยอะมากค่ะ”

ในคลิปมีการสั่นและเปล่งเสียงออกมาตอนนั้นรู้สึกยังไง?
“จริงๆแล้วการทำวิชาพวกนี้ต้องมีสมาธินะ แต่ ณ ตอนนั้นเหมือนเราไปโฟกัสจดจ่อกับสิ่งหนึ่ง เราก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ไม่ได้ดัดเสียง ทุกอย่างมันออกมาตามธรรมชาติ ก็ถือว่ายังเป็นเลเวลที่ควบคุมตัวเองได้ รู้ตัวเองหมดทุกอย่าง เราเข้าสู่สายนี้มาเพราะว่าเรามีประสบการณ์มาแล้ว แต่ละคนมีความเชื่อมีรูปแบบชีวิตไม่เหมือนกัน หลายคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ตรงนี้ สิ่งที่แพรเจอมามันมีจริงๆ”

Cr.Prae Charnunphat 

คลิปล่าสุดที่มีการอมเทียน มันเกิดอะไรขึ้น?
“อันนั้นเป็นวิชาการถอนของ พอเป็นสายบารมีของปู่ฤาษีตาไฟ เรื่องของการเล่นไฟก็เลยเป็นเรื่องปกติ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทางวิทยาศาสตร์เคยมีคำอธิบายอยู่สำหรับการเอาเทียนหรือไฟเข้าปาก แต่มันก็ต้องมีการฝึกฝนไม่ใช่ว่าใครจะทำได้”

เคยเจอเคสไหนที่หนักที่สุด?
“น่าจะเป็นเคสของการทานประจำเดือนมา 3 ปีค่ะ แก้ยากที่สุด เค้าก็เหมือนไม่มีสติ เหมือนเพ้อๆ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือราศีไม่มี ตาลอย สิ่งที่เราเห็นคือเราเห็นเงาดำ สิ่งที่ทำก็คือให้อาบน้ำมนต์และถ้าอยากช่วยเหลือตัวเองก็ต้องเข้ากาธรรมมะต้องสวดมนต์ต้องมีสมาธิ”

เคยเจอผลกระทบที่กลับมาหาเรามั้ยคะ?
“เป็นเรื่องปกติของคนสายนี้ค่ะ อย่างการดูดวงก็จะมีผลกระทบเหมือนกัน เช่น การไม่สบาย การถอนของก็เช่นกัน ถ้าสมมติวันนี้เราถอน วันต่อไปเราก็พักเพราะต้องสวดมนต์เต็มที่ หรือวันไหนที่เราต้องทำพิธีก่อนทำพิธีก็จะงดทานเนื้อสัตว์แล้วก็ภาวนาเยอะๆ”

ข้อห้ามของการเป็นร่างทรงมีหลายอย่างไหม?
“ก็หลายอย่างค่ะ อย่างเช่น ไม่ทานของนานสุก ไม่ทานพวกฟักแฟง ไม่พูดคำหยาบและต้องปรุงแต่งจิตตัวเองให้สะอาดตลอดเวลา อย่าคิดลบ อย่าโลภมากด้วย”

การเป็นร่างทรงจะต้องมีการเตรียมใจอะไรบ้าง?
“ทำใจ ฝึกจิตใจ และต้องเข้มแข็งให้มากพอค่ะ

ใครที่กลัวการโดนทำของ มีอะไรอยากจะแนะนำมั้ยคะ?
พยายามอยู่ในศีล อยู่ในธรรมรักษาตังเองให้เป็นศิริมงคลอยู่ตลอดค่ะ เพราะอันนี้คือข้อแรกเลยที่สามารถป้องกันตัวเองได้ ทำตัวเองให้เกิดมงคล ตัวเราสามารถเป็นผู้ที่มีศิริมงคลได้ค่ะ”

Cr.Prae Charnunphat 

นอกจากนี้สาวแพรก็ได้เผยว่า เธอไม่ได้รวยจากการทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อเลย เพราะตัวเองก็ทำธุรกิจ ส่วนเรื่องของงานละครก็อยากจะลองกลับมาทำ เอาเป็นว่าเราก็ต้องรอติดตามกันนะคะ