มหากาพย์ มิจจี้ที่รัก ไฮโซเก๊หมูกรอบ ยังไม่จบ ตามกันต่อค่ะ เพราะหลังจากกระแสเรื่องนี้ ที่กำลังเป็นที่สนใจต่อชาวเน็ตเยอะมาก ว่าเรื่องมันจะไปสุดที่ตรงไหน เพราดูเหมือนจะมีเหยื่อ มีผู้เสียหายที่ถูก นายฮอต หลอกและแอบอ้าง ออกมาชี้แจง และแฉถึงวีรกรรมของพ่อรูปหล่อหุ่นหมีคนนี้กันรัวๆ
หลังจากสืบสาวราวเรื่อง มีผู้เสียหายเพิ่มที่โดนนายฮอตหลอกให้หลงเชื่อ ถึงแม้จะไม่ได้หลอกเอาเงินก็ตาม ซึ่งวันนี้ในรายการมี คุณแก้ม นางแบบสาว เป็น 1 ในผู้หญิงที่โดนนายฮอตจีบ รวมไปถึงยังมี คุณปามมี่ และ คุณกุ๊ก มาร่วมแฉในครั้งนี้อีกด้วย
ไปรู้จักกับไฮโซหมูกรอบได้ยังไง?
แก้มไม่ได้เป็นผู้เสียหาย แก้มออกมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง โดยเล่าว่า
รู้จักเขาผ่านทางเฟซบุก มาในรูปแบบรู้จักกับรุ่นพี่ของแก้ม ได้ไปสังสรรค์ ทานข้าว ไปกับกลุ่มเพื่อน เขาชวนเราก่อน หนูไม่เคยไปกับเขาสองคนค่ะ และ เขาชอบถ่ายรูปเอาไปลงเฟซบุกบ่อยๆ
ย้อนกลับไป วันแรกที่ไปคือร้านออสก้า ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามไอค่อนสยาม ในร้านก็พูดคุยปกติ เฮฮา ทานข้าว เขาถามว่า เกิดเดือนไหน หนูตอบว่าเกิดเดือนนี้ที่ผ่าน เขาบอกว่า พี่มีอะไรจะให้ ตอนนั้น ไปกัน4-5 คน มีรุ่นพี่หนู 3 คน
วันแรกไม่มีการ์ดไปกับเขาด้วย อยู่ๆก็มีเด็กเสิร์ฟยื่นจานมาให้ เขาให้หนูถ่ายคลิปไว้ด้วย ว่าเขาเอาสร้อยข้อมือเป็นเพชรมาให้ หนูถามว่าให้ทำไม เขาบอกว่า ให้เป็นของขวัญวันเกิด หนูก็รับไว้ หนูก็ขอบคุณเขา
พี่หนุ่มลั่นกลางรายการต่อทันที “ ที่คนอื่นเขาบอกมาว่า สร้อยข้อมืออันนี้ 38 กระรัตจริงไหม ”
แก้มตอบทันทีว่า “ ไม่รู้หนู ไม่รู้ค่ะ ”
แต่พอพี่หนุ่มขอสร้อยออกมาดู ถึงกับร้องอุ๊ย บอกว่า “ ยางมัดผมของลูกสาว ยังหนักกว่าสร้อยนี่อีก ”
ทางคะน้าเสริมต่อ ว่าเคยทำร้านจิวเวอร์รี่ ราคาอันนี้ไม่เกิน 300 บาท
หลังจากนั้นมีไปห้าง ไปกินข้าว แต่มีเพื่อนไปด้วย แต่เขาชอบเข้ามาใส่ใจ ซื้อโน้นนี่ให้ วันหนึ่งเขาบอกว่า วันนี้เขาผ่านทางนั้นพอดี จะแวะรับหนู และพอหนูลงมาปุ๊บ ก็งงว่า มีคนชุดดำ บอดี้การ์ด มายืนเต็ม มารับไปช้าง และนายฮอตนั่งรออยู่บนรถ หนูตกใจไม่เคยเจอแบบนี้ จากนั้นก็ไปหาไรกินทั่วไป เขาชอบพูดอะไรเว่อร์ๆ เช่น อยากช็อปปิ้งอะไรไหม หนูบอกว่า ไม่เอา
เขาไม่ได้บอกว่าทำงานอะไร แต่ชอบส่งรูปว่า อยู่วังอะไรแบบนี้ เขาชอบบอกว่าข้องเกี่ยวอยู่ในนั้น ซึ่งไทม์ไลน์เรื่องนี้อยู่ใน ปี 65
แก้มยังบอกอีกว่า หนูอาจจะไม่มีอะไรให้เขา เขาขอคบหลายรอบ แต่หนูไม่ได้ตอบ เลยจบความสัมพัน์ ไม่ได้คุยต่อ เขาไม่ได้ขออะไรจากหนูเลย เขาขอคบเป็นแฟน 3-4 รอบ เขาบอกว่า เมื่อไหร่จะคบกับเขาสักที หลังจากนั้นก็เงียบหายกันไป
เวลาผ่านไปก็ยังตามไอจีกันอยู่ เห็นเขาลงคบกับพี่คนหนึ่ง ตอนนั้นหนูทำงานเกี่ยวกับรถ เขาส่งข้อความมาว่า อยากได้รถคันหนึ่ง รถมินิ เขาอยากซื้อให้แฟน เดี๋ยามาดูเดี๋ยวมาเทส แต่ไม่เอาสักที ไม่ซื้อสักที
ยังไม่จบ ทางด้าน ปาล์มมี่ ผู้เสียอีกราย ได้เล่าว่า
คบกันเกือบปี ทีแรกหนูจำเขาไม่ได้ ตอนนู้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนั้นเขาผอมกว่านี้ค่ะ เขาก็เข้ามาในปลายๆ ปี 59
หนูเปิดร้านอาหารกับครอบครัว เขามาทานที่ร้านมาสนิทกัน หลังๆเขาก็มาที่ร้านบ่อยขึ้น อยู่ๆวันหนึ่งร้องห่มร้องไห้ วิ่งมาบอกว่า พี่แฟนผมไปแล้วๆ เราเห็นก็สงสาร สักพักกลับมาที่ร้านใหม่อีกรอบ มาบอกว่า เขาไปแล้วพี่ เขาทิ้งไปแล้ว ตอนนั้นเราก็สงสาร
เรามีตึกเช่า 4 ชั้น เลยสงสารให้มันนอนที่นี่ก่อน เราหวังดี พอได้อยู่ก็อยู่ยาวไม่ไปไหนเลย ตอนนั้นเขาบอกว่าทำงานเป็นนายหน้าค้าที่ดินและ ทำเกี่ยวกับโรงเรียน สิงหเสนี เขาอยากได้ที่ดิน เรามีคนรู้จักเลยส่งให้ไปคุยกันเอง สักพักติดต่อกันไปมา อยู่ๆวันหนึ่ง พี่คนนั้นเขาโทรมาบอกเราว่า มันโดนจับ เพราะว่านายฮอตเข้าไปคุยกับหลายฝ่ายคนละแบบ พี่คนนั้นที่เป็นเจ้าของที่ก็คุยกันอีกแบบหนึ่ง ตนเลยสงสัย ก็เลยเช็กดูว่ามีคดีไหม พอเจอว่ามีคดี เขาก็แจ้งจับนายฮอต
พอเราไปถึงโรงพัก เจอเขานอนลงไปชักที่พื้นที่โรงพัก หนูตกใจ สักพักไม่มีคนสนใจ เขาก็ลุกขึ้นมานั่ง วันถัดไปก็มีคนมาประกันตัว เขาบอกว่า เป็นคดีเก่า จากแฟนเก่าเขา แถมยังบอกเราว่า เดี๋ยวกลับไปจะไปซื้อบ้าน เดี๋ยวแต่งงานกับเราเลย เราก็เริ่มระแวงแล้ว แต่เขาก็ยังอยู่กับเรา
ทั้งนี้ เขาบอกว่า เขายังไปทำงานที่โรงเรียนนี้อยู่ ( สิงหเสนี ) ผ่านไปสักพัก ตอนนั้นเขาเริ่มอ้างคนใหญ่คนโต อ้างเบื้องสูง และหลังจากนั้นไปดูบ้าน แล้วบอกจะซื้อ 3 หลัง หลังละหลายล้าน ตอนนั้นเราเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พอเราสังเกต เขาสร้างแชทปลอม เขามีโทรศัพท์ 2 เครื่อง อ้างเป็นเบื้องสูง มาให้เราเชื่อถือ ผ่านไปสักพักหนูเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ หนูเริ่มสงสัย เริ่มจับผิด จนจับได้ หนูโมโหมาก นายฮอตเอาเบื้องสูงมาขู่เราต่อ
มาถึงเรื่องแต่งงาน เราบอกเร็วไปไหม มันบอกข้างบนจัดการให้ ให้เราปฎิเสธไม่ได้ พอถึงเวลาปุ๊บ เพื่อนแย้ง แยกเราออก พอจะถึงวันงาน เขามาบอกว่า โรงแรมมีระเบิด มีรอบวางระเบิด กลายเป็นว่าล่มไป เขาก็มีข้ออ้าง เดี๋ยวไปทำพิธีเล็กๆเอา
ส่วนเรื่องของบ้านบอกว่า ต่อเติมอยู่ไปดู่ไมได้ ยังไม่เสร็จ เพราะเรื่องมันเยอะ เราขอเข้าไปดูก็ดูไม่ได้ บ้านที่สร้างเป็นบ้านเดี่ยว 3 หลัง
พอวันที่เราจะขนของ เรานัดรถ พอถึงเวลาชอบบอกว่า ไม่ได้ละ ติดโน่นติดนี่ น่าจะเกิน 5 รอบที่พลัดเรา เราต้องจ่ายค่าเสียเวลารถตลอด หลังๆมาเราเริ่มเก็บข้อมูล ขอไปดูบ้านก็ไม่ได้ดู ตอนนั้นอยู่กันมา 7-8 เดือน เคยเจอพ่อแม่เขาตอนเขาอยู่ที่ตึกเรา หลังจาดนั้นเราไปอยู่บ้านเขาสักพัก เราเริ่มอยู่ไม่ได้ วันหนึ่งป้าเข้าเดินมาในบ้านบอกว่า มึงหนีทำไมๆ นายฮอตบอก ผมไม่ได้หนี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
มาถึงประเด็นที่หนูจับได้ มันจะมีแอพชื่อว่าเฟสคอล เป็นการตั้งเวลาการโทรเข้ามา มีผู้ใหญ่โทรมา ปูเรื่องมาให้เรา ตอนนั้นหนูเริ่มเก็บหลักฐาน หนูก็ลองโหลดแอพมาแล้วรู้ว่า เขาโทรคุยคนเดียว เอ้ย มันคุยคนเดียวนี่หว่า เขาพยายามจะแอบอ้างว่า พระองค์ท่านติดต่อมา ส่งข้อความมา เราเลยเก็บหลักฐานไว้ หวังว่าวันหนึ่งจะมีคนเปิดโปง
ที่นี้เริ่มรู้ความจริง ถึงเวลาที่เราต้องยอมรับความจริงว่า เราโดนหลอก เขาหลอกให้หนูเปิดบัญชี บอกเราว่า จะมาละ เงินจะมาละ
และเขาเอาสร้อยที่หนูใส่อยู่ไปเพิ่มให้ หนูบอกว่าไม่เอา เพราะหนูมีความระแวงเล็กๆ พอเย็นปุ๊บ เขาถือเงินมาให้เรา ตอนนั้น 8,000 บาท เราไม่ได้เอ๊ะใจ แล้วเราถามว่า สร้อยเราละ เขาบอกว่า สร้อยทำอยู่
เราไม่ได้สนใจอะไรตอนนั้น พอถึงเวลาเราถามว่า หลายวันละทำไมนานจัง ทวงแล้วจะได้คำตอบแบบนี้ตลอด
หลังจากนั้นหนูว่าไม่ใช่ละ หนูเลยหาที่อยู่ใหม่ มันมาหาหนูที่บ้าน หนูบอกมันว่า ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไปเลย แล้วหนูโทรหาตำรวจ มันขู่จะฆ่าตัวตายหลายรอบ ตอนนั้นเขายังเด็กด้วย พลอตเรื่องจริงๆคล้ายๆของคะน้าเลย
มาถึงผู้เสียหายอีกคน คุณกุ๊ก ได้เล่าในส่วนของตัวเองไว้ว่า
ช่วงแรก 5-6 ปี เจอกันผ่านแอพ ช่วงนั้นช่วงม็อบ เขาบอกว่าเป็นผู้บัญชาการแถวนั้นเป็นพวกคอมมานโด เขาดึงหนูเข้ากลุ่มคนเยอะๆและเขามีกำหนดการใหญ่ๆ จนหนูเชื่อ คุยกันไม่แน่ใจว่าถึง 1 อาทิตย์ไหม หนูเลยขอเจอเขาเลย หนูอยากรู้ว่าตรงปกไหม หนูนัดเจอเขาที่อนุสาวรีย์ สักประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานัด เขาบอกว่า ขอยกเลิก มีประชุมด่วน ตอนนั้นเราเลยแบบไม่ได้ละ ไม่โอเคละ
แถมเขาเคยบอกว่า อยากเปิดร้านกาแฟ เปิดร้านคาเฟ่ ถามหนูว่ามรเงินเดือนเท่าไหร่ พี่จะให้เงินเดือน 2-3 เท่า ให้หนูไปคุมคาเฟ่ หนูเลยปฎิเสธไป
ผ่านมา 2-3 ปีหลังจากเรื่องนั้น อยู่ๆเขาก็ทักมา เขาบอกว่า อยากคุยด้วยเฉยๆ หนูบอกถ้าคุยก็คุยได้ เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง ดูโปรไฟล์เขาก็รวย ถ่ายเงินเป็นปึกๆ ทองคำเท่าแขน เราไม่เคยเจอเขา ถ้าเจอกันสักครั้งก็ยังดี นัดเจอกันที่ร้านอาหารที่หนึ่ง เราบอกเขาว่า งั้นไปเจอที่นั้นเลย ไม่ต้องมารับ เขาไปรอที่นั้นอยู่แล้ว พอนั่งสั่งอาหารไปสักพัก เขาเริ่มเล่าเลยว่า เขาเลิกกับแฟนเก่า แฟนเก่าไม่ดีมากๆ ซึ่งแฟนเก่าเขาคือรุ่นน้องหนู พอได้ฟังแบบนั้น หนูเริ่มไม่จอยละ เขาถามหนูว่า ถามว่าเกิดเดือนอะไร หนูเลยบอกไป เขาบอกอีกว่า พี่มีน้ำหอมอันนี้ๆนะ แล้วเขาถามว่าหนูชอบฟังเพลงของใคร หนูก็ตอบไป คุณอรวีร์ เขาบอกทันทีว่ารู้จักกับคนนี้นะ เคยไปกินข้าวกับเขา เคยไปตีกอล์ฟกับสามีเขาด้วย หลังจากนั้นที่นั่งกินข้าวกันอยู่ มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินผ่านมา เขาเลยออกไปคุยด้วย คุยประมาณ 10 นาทีเขาก้กลับมา หนูก็แบบมันค่ำแล้วจะขอกลับ หนูถามเขาว่าอาหารนี้เท่าไหร่ อยากจ่ายให้มันจบ ไม่อยากให้เขาเลี้ยง เขาบอกว่าไม่เป็นไรผู้หญิงกลุ่มนั้นจ่ายให้แล้ว เขาบอกว่าผู้หญิงกลุ่มนั้นเขาทำงานที่การบินไทย และตัวนายฮอตมีหุ้นอยู่ที่การบินไทยเยอะเลย
หลังจากนั้น ในรายการได้มีสายโฟนอินจากคุณหมอ ( อดีตภรรยานายฮอต ) โทรเข้ามา โดยสรุปสั้นๆว่า
ทางคุณหมอ อดีตภรรยา ได้ยืนยันว่า ไม่เคยไปประกันตัวนายฮอตสักครั้งตามที่ข่าวบอก อาจจะเป็นเรื่องราวที่คลาดเคลื่อน
ส่วนเรื่องประกันตัวเป็นฝ่ายพ่อแม่นายฮอตเองที่ไปประกัน อีกทั้ง ยังบอกหนักแน่นว่า ได้ตัดขาดกันกับนายฮอตแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน ประสงค์จะดำเนินคดีกับนายฮอต แต่เรื่องราวมันเยอะมาก จึงต้องใช้เวลาพอสมควรในการดำเนินคดี
แถมสุดท้ายที่พี่หนุ่มถามว่า เสียเงินให้นายฮอตเกือบ 10 ล้านจริงไหม?
คุณหมอว่า เกือบ 10 ล้านจริง แต่เสียให้กับเรื่องคดีความที่ตอนนั้นทางคุณหมอมีเรื่องอยู่ แล้วโดนนายฮอตหลอกเอาเงินไปจ้างทนาย เพราะทางนายฮอตบอกว่า มีทนายที่รู้จักอยู่ เดี๋ยวจะจัดการให้ แต่สุดท้ายไม่จริง แล้วเงินหายไปไหน?
และดูเหมือนว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ ไม่จบง่ายแน่นอน มีตัวละครผุดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ บทสรุปสุดท้ายของ มหากาพย์ พ่อหนุ่มไฮโซเก๊ มิจจี้ที่รัก คนนี้จะจบลงอย่างไร ต้องตามกันต่อค่า