แจ้งจับ! ภรรยาพระเอก “ศรราม” ฉ้อโกงขายหน้ากากอนามัย สูญเงินกว่า 9 แสน

ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ! “ติ๊ก กนิษฐรินทร์” ภรรยาพระเอก “ศรราม” ฉ้อโกงจัดซื้อหน้ากากอนามัย 2 แสนชิ้น สูญเสียเงิน 9 แสนบาท

วันนี้ (30 มี.ค. 63) เวลา 13.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พาผู้เสียหาย เจ้าของสหคลินิกแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี เข้าพบ “พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ” รอง ผกก.(สอบสวน) ที่สน.หัวหมาก เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกง กับ “น.ส.กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ” หรือ ”ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” ภรรยาของดารานักแสดงชื่อดัง ”ศรราม เทพพิทักษ์” หลังสั่งซื้อหน้ากากอนามัยกว่า 2 แสนชิ้นแต่กลับไม่ได้ของ จึงทำให้สูญเสียเงินกว่า 9 แสนบาท พร้อมนำหลักฐานการสนทนาทางไลน์ สลิปการโอนเงิน มามอบให้เป็นหลักฐาน

ภาพจากอีจัน

“น.ส.เอ๋” กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของคลินิกตรวจสุขภาพแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี จึงมีความต้องการหน้ากากมาใช้ส่วนตัว และให้แพทย์ พยาบาลใช้ในการตรวจผู้ป่วย โดยตนได้รู้จักกับภรรยาของพระเอกหนุ่มศรราม ผ่านทางไลน์ที่มีเพื่อนแนะนำมา ว่าสามารถสั่งหน้ากากอนามัยนำเข้าจากต่างประเทศได้ ตนจึงติดต่อสั่งซื้อหน้ากากอนามัยโดยนำเข้ามาจากประเทศเวียดนาม ยี่ห้อ 3 เอ็ม ในราคาชิ้นละ 9.50 บาท จำนวน 2 แสนชิ้น เป็นเงิน 1,800,000 บาท

ภาพจากอีจัน

จากนั้นได้มีการตกลงกันทางไลน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีกฝ่ายบอกว่าต้องจ่ายค่ามัดจำครึ่งหนึ่งเป็นเงินจำนวน 900,000 บาท โดยตนสั่งซื้อไปเมื่อวันที่ (5 มี.ค. 63) ที่ผ่านมา และจะได้รับของภายในวันที่ (13 มี.ค. 63) ตนจึงโอนเงินมัดจำก้อนแรก 400,000 บาท จากนั้นทะยอยโอนเงินให้ทั้งหมดรวม 6 ครั้งในราคา 900,000 บาท

ภาพจากอีจัน

ทั้งนี้ที่ตนตัดสินใจสั่งซื้อกับ “น.ส.ติ๊ก” เนื่องจากเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีวันเวลากำหนดรับสินค้าที่แน่นอน อีกทั้งมีการระบุให้รับของได้ที่บ้านของ ”นายศรราม เทพพิทักษ์” โดยตรง ทำให้ตนเชื่อมั่นยิ่งขึ้นว่าไม่น่าจะถูกหลอก พอถึงวันที่ (13 มี.ค. 63) กลับปรากฎว่าตนไม่ได้รับของตามที่นัดหมายไว้ ซึ่งตนได้พยายามติดต่อทางไลน์ แต่อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด โดยอ้างเหตุผลและข้อติดขัดปัญหาต่าง ๆ เช่น ทำของไม่ครบตามเงื่อนไขในการสั่งซื้อ ให้รอไปก่อน หรือไม่ก็สั่งซื้อด้วยชื่อตนเอง ที่ผ่านมาก็พยายามรอ แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น จนทำให้ไม่อยากได้ของแล้ว โดยตนขอเงินส่วนที่ตนเองเสียไปคืนมาเท่านั้น แต่กลับตกลงกันไม่ได้ จึงตัดสินใจรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความดังกล่าว

ภาพจากอีจัน

“พ.ต.ท.นพพร” กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องทำการสอบปากคำผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ก่อน พร้อมจะตรวจสอบรายละเอียดของหลักฐานที่นำมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวน ซึ่งต้องมาดูว่าจะเข้าข้อหาฉ้อโกงฯ ตามที่ผู้เสียหายแจ้งได้หรือไม่ และต้องมาดูว่าผู้ถูกร้องมีหลักฐานรายละเอียดการติดต่อซื้อหน้ากากอนามัยจริงหรือไม่ หากมีหลักฐานการสั่งซื้อ แต่เกิดขัดข้องการส่งสินค้าล่าช้าเอง ก็จะเป็นความผิดในทางแพ่ง แต่ถ้าไม่มีหลักฐานติดต่อซื้อหน้ากากจริง จึงจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ทั้งนี้ต้องขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ ประกอบ รวมถึงทำการสอบปากคำทั้งสองฝ่ายก่อน หากพบมีการกระทำผิดตามที่ผู้ร้องได้กล่าวหาจริง ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ภาพจากอีจัน