​ เปิดประวัติ ดร.ตฤณห์ นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา พูดจาไพเราะ

เปิดประวัติ ดร.ตฤณห์ นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา วิเคราะห์พฤติกรรมใน โหนกระแส สร้างมีมสุด พูดจาไพเราะ ไม่มีคำหยาบ แต่เจ็บจี๊ดทุกคำ

บอกเลยว่าถูกพูดถึงหนักมากสำหรับ ดร. ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยาและพฤติกรรมอาชญากร ที่ได้ไปออกรายการหลายๆรายการ และรายการล่าสุดคือ โหนกระแส ซึ่งตลอดทั้งรายการ พูดจาไพเราะ วิเคราะห์ฉะฉาน ไม่มีคำหยาบ แต่เจ็บจี๊ดหลายประโยคเลยทีเดียว วันนี้อีจันบันเทิง ขอพามาทำความรู้จัก อ.ตฤณห์ กันจ้า

รายการโหนกระแส

ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา ชื่อเล่น ตอง

จบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ในปี พ.ศ. 2554

จบปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต อาชญาวิทยาและกระบวนการยุติธรรม จาก University of Portsmouth สหราชอาณาจักร

จบปริญญาเอก ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตสาขาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม คณะรัฐศาสตร์ รั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เนื่องจากธรรมศาสตร์มีการเปิดสาขาการวิจัยทางสังคมขึ้นมาเป็นปีแรก ซึ่งงานวิจัยในสมัยนั้นถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับประเทศไทย จึงเกิดความคิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้าเป็นรุ่นแรกที่ได้เรียน เป็นจุดเริ่มต้นให้ อ.ตฤณห์ เข้าเรียนปริญญาตรี ในคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา (สาขาการวิจัยทางสังคม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

หลังจบปริญญาตรี อ.ตฤณห์ ได้ไปลองสอบตำรวจ เป็นได้ประมาณ 6-7 ปี หลังจากนั้นรู้สึกว่าภาพตำรวจที่วาดฝันกับงานที่ได้ทำจริงมีความแตกต่างกันมาก เกิดความรู้สึกว่านี่อาจจะไม่ใช่ทางของเรา จากนั้นสนใจอยากศึกษาเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรมเพิ่ม เพื่อนำมาพัฒนางานตำรวจ ซึ่งศาสตร์อาชญาวิทยาในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก จึงตัดสินใจไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ

ภาพจากเฟซบุ๊ก Aj. Trynh Phoraksa (ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา)

อ.ตฤณห์ เล่าว่า ศาสตร์อาชญาวิทยามีมานาน 200 กว่าปี แต่มีชื่อเสียงอยู่ในฝั่งยุโรป แทบทุกมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษจะมีคณะอาชญาวิทยา แต่ในประเทศไทยมีแค่ 1-2 มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในปัจจุบัน ซึ่งการเรียนปริญญาโทที่อังกฤษใช้เวลาเรียนแค่ 1 ปีเท่านั้น แต่ช่วงเวลาที่เข้า Coursework จริงเพียงแค่สี่เดือน ส่วนเวลาที่เหลือต้องมานั่งทำวิทยานิพนธ์เอง อยู่อังกฤษรวมๆ แล้วเกือบสองปี จนสามารถจบการศึกษา Graduated M.Sc. Criminology and Criminal Justice ที่ University of Portsmouth มาได้
ด้วยความที่ไม่เคยเรียนอาชญาวิทยามาก่อน การไปเรียนที่อังกฤษเหมือนกับการปูพื้นฐานใหม่ เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอาชญาวิทยาตั้งแต่ 200 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ยุคล่าแม่มด วิธีการค้นหาบุคคลต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด กระบวนการลงโทษคนผิดเมื่ออดีต ต่อมาคือเรียนวิชาทฤษฎีที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทั้งหมด สาเหตุใดบ้างที่ทำให้คนๆ นึงก่ออาชญากรรม หรือเป็นอาชญากร

ภาพจากเฟซบุ๊ก Aj. Trynh Phoraksa (ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา)

สำหรับนักอาชญาวิทยาในประเทศไทย จะไปช่วยอยู่ในหลายเซคชั่นของกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นไกด์แนวทางตำรวจ ศึกษาไปถึงความรู้สึกนึกคิดและจิตใจของอาชญากร และการฟื้นฟูผู้ต้องขัง ให้สามารถหวนคืนสู่สังคมได้อย่างปกติ

หลังเรียนจบปริญญาโทที่อังกฤษ อ.ตฤณห์ เริ่มรู้สึกอยากเรียนลึกไปถึงสาเหตุและจุดเริ่มต้นของการก่อตัวของอาชญากรรม จึงเข้าเรียนต่อปริญญาเอกคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาสังคมวิทยา สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างนั้นได้เป็นอาจารย์พิเศษรับสอนวิชาอาชญาวิทยา วิชาทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม

ความแตกต่างด้านการเรียนอาชญาวิทยาที่ไทยกับอังกฤษนั้น อ.ตฤณห์ เล่าว่า ของอังกฤษจะเน้นสอนอะไรที่เป็นทั่วไป แต่ที่ประเทศไทยจะลงลึกในกระบวนการยุติธรรม หรือสภาพแวดล้อมของประเทศไทย การดัดแปลงความรู้จากต่างประเทศมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสังคมไทย ความแตกต่างจะอยู่ที่การปรับใช้ได้จริง

ภาพจากเฟซบุ๊ก Aj. Trynh Phoraksa (ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา)

ปัจจุบัน อ.ตฤณห์ เป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

สำหรับใครที่อยากจะติดตามผลงาน หรือ ไลฟ์สไตล์ของ อ.ตฤณห์ ก็สามารถติดตามได้ที่

Facebook : Aj. Trynh Phoraksa (ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา)
IG : toni.trynh
TikTok : dr.trynh.tony

บอกเลยว่า หลังจากที่ อ.ตฤณห์ ได้ไปออกโหนกระแส วิเคราะะห์พฤติกรรมของ สป.สายไหม กลายเป็นมีม ถูกแชร์ออกไปเยอะมากๆ เช่นคำว่า

“บางครั้งมันเกี่ยวกับสมอง ผมพูดถึงการเลี้ยงดู การที่มีอารมณ์พิมพ์ไป ใช้คำหยาบคายมันง่าย เพราะว่าตอนเด็กๆแม่อาจจะอุ้มแล้วเขย่าแรงไปหน่อย ทำให้สมองมันกระแทกกะโหลกข้างหน้า เลือดออกมากลูกก็เลยโง่ พอโง่เลยขาดการระงับอารมณ์ ซึ่งอารมณ์อยู่ข้างหลัง เหตุผลอยู่ข้างหน้า ก็ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะใช้เหตุผลในการพูดได้ ไม่มีคำหยาบเลยนะ”

เรียกว่าทั้งรายการได้ฟัง อ.ตฤณห์ พูดไปต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ็บจี๊ดจริงๆค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก thestatestimes