กรณีถูกคนไว้ใจหักหลังของ มาดาเมนี่ หรือ คุณเมย์ วาสนา ที่ออกมาประกาสตามหาทรัพย์สินที่หายไปทางโซเชียล กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีดาราดังอย่าง ดิว อริสา เกี่ยวข้องด้วย รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่เข้ามาพัวพันกับประเด็นนี้อย่าง ซุง ศตาวิน ซึ่งวันนี้ มาคุณเมย์ได้ออกมาพูดเรื่องราวทั้งหมดแล้วผ่านรายการ โหนกระแส เรียบร้อยแล้วค่ะ
ซึ่งคุณเมย์ ยืนยันว่าของทั้งหมดได้ให้ไปกับดาราสาวอย่าง ดิว อริสรา จริงอย่างแน่นอน โดยคุณเมย์เองก็ทำงานหลากหลายทั้งทำโรงงานผลิตอาหารเสริม และงานเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทรนเมนต์ต่าง ๆ ซึ่งได้มารู้จักกันกับทาง ดิว ในตอนที่ ดิว มาจ้างให้บริษัทของคุณเมย์ผลิตสินค้าให้ ซึ่งทางคุณเมย์เองยืนยันว่า ดิว เป็นแค่ลูกค้าเท่านั้น ไม่ได้มีการรวมทุนกันอย่างที่ทุกคนคิด ซึ่งก็ได้คุยกันและมีการมัดจำการผลิตสินค้าต่าง ๆ เกิดขึ้นภายหลัง ทางพาร์ทเนอร์ของ ดิว ได้มาบอกกับทางคุณเมย์ว่าเงินลงทุน 22 ล้านที่มัดจำสินค้าคุณดิวไม่ได้มีส่วนในเงินนี้
เหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ดิว โทรมาหาคุณเมย์เพื่อขอนำเงินที่เคยมัดจำค่าสินค้าออกมาก่อน เนื่องจากเดือดร้อนจากกการเป็นหนี้ ซุง ศตาวิน (อินฟลูเอนเซอร์) กว่า 20 ล้านบาท ถ้าไม่ได้คืนเงินจะเดือดร้อนอาจโดนแฉและมีสัญญาการกู้เงินต่าง ๆ ขอนำเงินออกมาเพียงแค่ 20 วันเท่านั้นแล้วจะรีบนำมาคืน แต่ทางคุณเมย์ไม่สามารถให้ได้เนื่องจากเป็นกระบวนการของบริษัทที่ไม่สามารถดึงเงินออกมาได้ ดิวจึงขอถามทางคุณเมย์ ว่าขอยืมเงินก่อนได้มั้ยแค่ 20 วัน
หลังจากนั้นทางพี่หนุ่ม กรรชัย ได้ถามว่าแล้วที่ออกมาพูดในวันนี้ไม่กลัวโดนฟ้องเหรอ ?
“มันถึงจุดนนี้แล้ว ถ้าข้อเท็จจริงมันจะทำให้เรา หนูไม่พูดออะไรเลยตั้งแต่เป็นข่าว อย่างให้ทุกอย่างมันจบและได้ของคืน”
พอทาง ดิว เริ่มมายืมเงิน ตัวของคุณเมย์เองก็เคยตั้งปณิทานว่าไม่อยากให้ใครยืมเงินเพราะเจ็บมาเยอะ ดิว จึงถามว่าพี่เมย์พอมีทางออกอย่างอื่นไหม คุณเมย์จึงถามกลับว่า แล้วกระเป๋า รถของดิวหล่ะ แล้วทำไมไม่ไปเอากับสามี แต่ดิวก็ตอบปัดว่า ให้สามีรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมีปัญหาครอบครัว ทำให้ตอนนั้นมีหลายปัจจัยมาก คุณเมย์จึงให้เป็นของไปน่าจะดีกว่า ให้เพราะไว้ใจในชื่อของ ดิว อริสา ที่รู้จักกันมาถึง 2 ปี และตัวดิวเองก้มีต้นทุนทางสังคมสูงมาก เห็นชีวิตและรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของเขา และไม่คิดว่าเขาจะไม่คืน และตัวของคุณเมย์เองก็ไม่เคยอนุญาติให้นำสิ่งของที่ให้ยืมไปนำไปขายหรือจำนำใด ๆ ทั้งสิ้นโดย ดิว บอกว่ากับทางคุณเมย์ว่าจะนำเอาของไปไว้กับพี่คนนึง ที่รู้จักกับทั้งซุงและตัวของดิว เพื่อเป็นหลักประกันให้กับเงินที่ติดซุง 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นคนที่น่าเชื่อถือในสังคมมาก ๆ ของพี่เมย์จะถูกเก็บไว้อย่างดี คุณเมย์สามารถมาดูของได้เลย คุณเมย์จึงตัดสินใจให้ของไป
และเงื่อนไขในการนำของไป คุณเมย์ก็มีข้อกำหนดและเงื่อนไขกับดิวว่า ห้ามจำนำหรือขายเด็ดขาด เนื่องจากสิ่งของที่ให้ไปเป็นแรร์ไอเทม ที่ถ้าของต่าง ๆ หลุดออกไป อาจเกิดข้อครหากับตัวของเธอได้ และอาจสร้างความเสียหายให้กับทางตัวเธอเองและส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทเธอได้ ซึ่งตัวเธอเองรักเกียรติของตัวเองมาก
คุณเมย์ยึดถือเรื่องความจริงใจ และยึดถือเรื่องเครดิตของคำพูดมาก ๆ ที่ให้ยืมของไปเพราะเห็นว่าดิวเป็นเหมือนน้องสาว และมีแชตที่ดิวทักมาขอยืมเงินและทรัพย์ต่าง ๆ เป็นหลักฐานที่สำคัญมาก ๆ ของเรื่องราวนี้
หลังจากที่ให้ยืมไป คุณเมย์ก็ไม่ได้มาการตามสิ่งของต่าง ๆ คืนมาแต่อย่างใด จนครบกำหนดวันที่ต้องคืนของ แต่ก็ยังไม่ได้ของคืนและเริ่มตามของที่ให้ยืมไปมาโดยตลอด ซึ่งดิวอ้างว่าเงินยังไม่ได้มาตามกำหนดและขอผลัดมาเรื่อย ๆ แต่เรื่องมาแดงขึ้นหลังจากที่ได้เห็นข่าวทางการเงินของดิวที่ค่อย ๆ หลุดออกมา จนที่ให้รู้สึกสงสัยและก็ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมด เตรียมแจ้งความตั้งแต่เดือน มกราคม แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะถาม ดิว ตรง ๆ ก่อนว่าของจะได้คืนไหม ซึ่งหลังจากนั้น วันที่ 24 มกราคม ดิวได้สารภาพว่าเอาของทั้งหมดไปจำนำในหลาย ๆ ร้าน และของไม่ได้อยู่กับผู้ใหญ่ที่ตนพูดว่าจะนำไปใช้เป็นหลักประกันในตอนแรก
ซึ่งหลักจากได้รู้เรื่องราวทั้งหมด ทางคุณเมย์ก็ได้เสนอทางออกให้กลับทาง ดิว ว่าให้รีบเคลียร์และยืดระยะเวลาต่าง ๆ ออกไปให้ เพื่อทางให้ดิวได้มีเดิน และไม่ได้มีเจนตนาที่จะทำให้ดิวเสียชื่อเสียง เพราะถ้ามีเจตนาแบบนั้นจริงคงออกมาพูดนานแล้ว และก็ยังคงติดตามเรื่องมาโดยตลอด จนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ทาง ดิว ได้บอกกับทาง คุณเมย์ ว่าจะได้กระเป๋าและนาฬิกาที่ถูกจำนำไว้มาก่อนและจะได้ของคืนแน่ ๆ โดยคุณเมย์ก็เชื่อคำพูดมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่เคยได้ของคืน และดิวยังได้มีการเสนอให้คุณเมย์ ไปรวบซื้อของทุกอย่างคืนมาแล้วให้ดิวเป็นคนติดหนี้ทางคุณเมย์แทน ซึ่งก็ได้มีการเจรจาและบันทึกทุกอย่างไว้ แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้ และทางคุณเมย์เองก็ไม่ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว ทางคุณเมย์ก็ยังบอกอีกว่าถ้าไม่ได้ของคืนจริง ๆ แล้วจะต้องสู้ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
คุณเมย์ : เจตนาทั้งหมดหนูแค่อยากได้ของหนูคืน อย่างเดียว ไม่ได้อยากให้ใครมีปัญหา ไม่ต้องการได้ดอกเบี้ยไม่ต้องการเงินสังบาทเดียว แค่อยากได้ของคืนเท่านั้น
และคุณเมย์เดินทางมาค้นพบจุดที่รับไม่ได้ที่สุด คือเมื่อเห็นแชตระหว่าง ดิว กับบุคคลหนึ่ง โดยในแชทบอกว่า “เอาสร้อยไปวางไว้กับบุคคลนี้ บอกว่าเป็นของผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นคนที่ดิวเคารพ เปิดมาของชิ้นนี้ก็จะรู้เลยว่าเป็นใคร เขาลำบากมาก ด้วยความเป็นเขา เขาไม่มีเงิน เขาไม่มีเงินจ่ายซัพพลายเออร์ จะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ว่าเป็นของพี่คนนี้” โดยเป็นประโยคที่คุณเมย์รู้สึกรับไม่ได้อย่างมากเพราะเป็นการดิสเครดิตกัน โดยดิวมีการไปพูดในลักษณะนี้เกือบ 10 คน คุณเมย์ยังพูดทั้งน้ำตาว่า “ดิวทำแบบนี้กับพี่ได้ไงวะ กับคนที่ช่วยดิวนะ ดิวทำตั้งแต่วันแรก กับคนที่ช่วยเหลือดิวได้ไง คนเป็นแม่เหมือนกันไม่น่าทำแบบนี้”
ให้ทรัพย์สินน้องไปด้วยมิตรภาพ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำโกหก คำหลอกลวง ที่มาพร้อมกับหลักฐานชิ้นนี้ นาฬิกา ถูกจำนำไว้ที่ร้านร้านหนึ่ง และทางคุณเมย์ได้โทรติดต่อไปยังร้านจนได้ข้อมูลที่สำคัญมา คือตัวของเมย์ได้ถูกกล่าวหาและโดนอ้างมาตลอด ว่ามีปัญหาทางธุรกิจไม่มีเงินจ่ายซัพพลายเออร์ ซึ่งไม่เป็นความจริง และทางร้านก็รู้ว่าของที่มาจำนำเป็นของคุณเมย์ จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความบริสุทธิใจ พร้อมเปิดหลักฐานใบลงวันทึกประจำวัน ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าดิวรับนาฬิกาจากคุณเมย์และนำนาฬิกาไปจำนำทันที ซึ่งผิดเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ซึ่งเข้าข่ายการฉ้อโกงไปโดยปริยาย
ซึ่งวันนี้ถึงจุดที่คุณเมย์โพสต์เรื่องราวทั้งหมดลงสตอรี่ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากได้ของทุกชิ้นคืน และต้องการกอบกู้ชื่อเสียงที่เสียไป ว่าตนไม่ได้เอาของต่าง ๆ ไปเร่ขายเพราะไม่มีเงิน แต่จริง ๆ แล้วคุณเมย์แค่ต้องการช่วยเหลือ ดิว เท่านั้น และขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ
จากนั้นก็ได้มีการต่อสายตรงถึง ดิว อริสรา กลางรายการ โดยคุณดิวก็ได้พูดในฝั่งของตนเอง โดยขอโทษคุณเมย์ที่ต้องทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ นี้ขึ้น และไม่ขอตอบโต้ใด ๆ ในสิ่งที่คุณเมย์ได้พูด และยอมรับว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากตัวเธอเอง และยอมรับผิดทุกอย่าง โดยเธอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวง และมีเพียงคุณเมย์ที่ช่วยเหลือเธอในช่วงเวลานั้น โดยยอมรับว่าตนเป็นคนยืมไปจริง และยืนยันว่าของแต่ละชิ้นได้มีการถูกนำไว้วางไว้ในที่ต่าง ๆ จริง เนื่องจากทาง ซุง ก็ต้องการเป็นเงิน ซึ่งในตอนนั้นที่ไม่ได้บอกว่านำของไปวางในที่ต่าง ๆ เพราะจำเป็น และขอโทษในสิ่งที่ทำไป และยืนยันว่าของทุกชิ้นของคุณเมย์ยังอยู่ครบ และไม่เคยมีเจตนาที่จะไม่บอกว่าของแต่ละชิ้นอยู่ที่ไหน เพราะมีการคุยกันตลอดกับทางคุณเมย์ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ และรู้สึกขอบคุณคุณเมย์อยู่ในใจตลอด ส่วนสิ่งที่ดิวทำ ดิวไม่ได้ตั้งใจจะมองว่ามันผิดวัตถุประสงค์ เพียงแค่ต้องการแก้ไขปัญหานี้จริง ๆ
ดิว ยืนยันว่าไม่เคยพูดกับใครในเรื่องของการพูดถึงคุณเมย์ในทางไม่ดี และเสียหายในภาพลักษณ์ และตัวของดิวเองไม่ได้มีเจตนาที่จะซื้อเวลา แต่ทุกครั้งที่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วย แต่มันไม่ได้เป็นไปตามนั้นจริง ๆ ก็กลายเป็นว่า ดูเหมือนพลัดไปเรื่อย ๆ และยืนยันว่าเคลียกับทางซุงแล้ว และคุณดิวยังให้สัมภาษณ์อีกว่าเงินทั้งหมดเอาไปใช้ในธุรกิจแต่ไม่ประสบความสำเร็จ และอาจจะเป็นที่ตัวเองใช้เงินเกินตัวและไม่ประมาณตัวเอง
ส่วนในด้านของสามี ดิว เองไม่ได้มีการปรึกษาสามีของตัวเอง ในมุมของดิว รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนก่อปัญหา ก็ควรจะแก้เอง สามีไม่เคยรับรู้ปัญหา จนถึงตอนนี้ก็รับรู้แล้ว เขาก็มีส่วนของครอบครัวเขาที่ต้องเป็นไปตามระบบของครัวครัวเขา ดิวก็ต้องดิ้นรนต่อไปเอง สิ่งที่คาดหวังจากสามี มีเพียงอย่างเดียวคือขอให้รักและดูแลลูกอย่างดี
จนสุดท้ายได้ของสรุปว่า ดิวเองยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีในการคุยเรื่องการรับสภาพหนี้ ไม่ได้ต้องการที่อยากจะเปลี่ยนคดีอาญาเป็นแพร่งแต่อย่างใด เพียงแค่อยากให้คุณเมย์ได้ของคืนเท่านั้น และจะพยายามจัดการทุกอย่างให้กับคุณเมย์ และไม่ได้มีเจตนาที่จะโกงใครจริง ๆ ซึ่งดิวเองก็ยอมทุกข้อเสนอที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้รับสิ่งที่ควรจะได้อย่างดีที่สุด ส่วนจะตกลงกันในทิศทางไหนก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนในเรื่องของกฎหายต่อไป และตอนนี้ดิวอยู่ที่ไต้หวัน จะรีบส่งทนายไปยืนยันกับทางกองปราบก่อนและถ้าถึงไทยจะรีบเข้าไปชี้แจ้งเรื่องต่าง ๆ กับทางกองปราบทันที และขอให้เรื่องราวทุกอย่างเป็นความผิดของดิวคนเดียว อย่างลงกับลูก ๆ จะด่าอะไรให้เป็นดิวเองที่เป็นคนผิด
ส่วนทางด้านคุณเมย์ก็ยินดีที่จะจบเรื่องราวทุกอย่าง และไม่ติดใจเอาความใด ๆ ถ้าได้ของทุกชิ้นคืน โดยไม่ต้องเสียเงินอะไรไปอีก แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ก็คงจะต้องดำเนินคดีกันต่อไป ซึ่งเรื่องราวนี้ก็ต้องคุยกับทางร้านค้าต่าง ๆ ที่รับซื้อ และทั้งสามฝ่ายก็คงต้องคุยกันอีกครั้ง ส่วนคุณเมย์ ก็ได้พูดทิ้งท้ายก่อนจบรายการว่า “แค่อยากได้ของคืนจริง ๆ มันมีคุณค่าทางจิตใจ และฝากว่า บทเรียนครั้งนี้คือบทเรียนราคาแพง ภาพลักษณ์ทางสังคมไม่ได้การันตี ถึงความซื่อสัตย์หรือใดๆก็ตาม เราก็ต้องระมัดระวัง และสิ่งนี้จะเป็นเกาะให้เราต้องโตขึ้น”
ส่วนในเรื่องของทางคุณซุง เองก็คงต้องรอทางคุณซุงออกมาพูดถึงขอเท็จจริงเรื่องนี้อีกต่อไป ทั้งนี้เรื่องราวนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และขอให้เรื่องราวนี้จบลงในทางออกที่ดีที่สุด และขอให้ทางคุณเมย์ได้ขอทุกชิ้นคืนโดยเร็วที่สุด ขอบคุณค่ะ